[รีวิว] ร้านครกไม้ไทยลาว (crokmai thai lao) ร้านอาหารอีสานรสเด็ดขนานแท้ เปรี้ยวปากกับส้มตำและเมนูหายาก @ลาดปลาเค้า 24

          สวัสดีครับทุกท่าน RyoiiReview ขออาสาพาไปทานอาหารอีสานขนานแท้สูตรต้นตำรับจากจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งบางเมนูมีการปรุงอาหารอีสานสไตล์ลาว จึงเป็นที่มาของคำว่า “ครกไม้ไทยลาว” มีทั้งหมด 2 สาขา สาขาแรกเปิดมากว่า 20 ปี ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ “ลาดปลาเค้า 24” และ สาขา 2 คือ “รามอินทรา14 (ซอยมัยลาภ)” มาแล้วจะได้พบอาหารพื้นบ้าน และของหาทานยากจากแดนอีสานหลากหลายเมนู

          ทีมงานเลือกมาสาขาแรก เพื่อให้เข้าถึงความเป็นอีสานอย่างแท้จริง สำหรับ “อาหารต้นตำรับอีสาน” ที่ทีมงานเลือก ข้าวเหนียว, ข้าวจี่ใส่ไข่, ตำมั่วซั่วครกไม้, ไก่บ้านทอดเกลือ, และไส้กรอกเนื้อโคขุน ส่วน “อาหารหาทานยาก” คือ แมงดาทอด, หมกรังผึ้งอ่อน และแกงคั่วเห็ดเผาะ เป็นต้น

 

 

SPONSORED

 

เมนู และราคา

          อาหารที่ทีมงานทานส่วนใหญ่จะมีราคาไม่ถึง 100 ฿ อาทิ ข้าวเหนียว ห่อละ (15 ฿), ข้าวจี่ใส่ไข่ (60 ฿), ตำมั่วซั่วครกไม้ (60 ฿), ไส้กรอกเนื้อโคขุน (70 ฿), แมงดาทอด (75 ฿), หมกรังผึ้งอ่อน (60 ฿) และแกงคั่วเห็ดเผาะ (80 ฿) ส่วนอาหารราคาสูงเพิ่มขึ้นคือ ไก่บ้านทอดเกลือ (1 ตัว) ราคา (180 ฿)


ป้ายรายการอาหารตรงทางเข้าด้านหน้า

 


ด้านหน้าของเมนูจะบอกรายชื่อเมนูน้องใหม่จากทางร้าน

 


อาหารแนะนำจะอยู่หน้าท้ายๆ ของเมนู

          สำหรับลูกค้าที่เป็นสมาชิกจะได้รับส่วนลดค่าอาหาร 10% และต้องยื่นบัตรสมาชิกให้พนักงานก่อนเช็คบิลทุกครั้ง สามารถทำบัตรสมาชิกได้ที่ร้านครกไม้ไทยลาวได้ทั้ง 2 สาขา ค่าสมัคร (99 ฿) / ใบ ใช้ได้ตลอด 1 ปี (นับตั้งแต่วันที่สมัคร)

 

...
Responsive image
Share
“ข้าวเหนียวริมน้ำ” ร้านอาหารอีสา...
“ข้าวเหนียวริมน้ำ” ร้านอาหารอีสานบรรยากาศริมน้ำ อาหารอีสานรสชาติถูก...
“ข้าวเหนียวริมน้ำ” ร้านอาหารอีสานบรรยากาศริมน้ำ อาหารอีสานรสชาติถูกปากทั้งเด็ก และผู้ใหญ่

Responsive image
Share
ร้านโอชา ชาบู มีซุปหลายสไตล์ พร้...
ร้านโอชา ชาบู มีซุปหลายสไตล์ พร้อมบุฟเฟต์ชีส และชีสสี่ ดิป ให้เติมไ...
ร้านโอชา ชาบู มีซุปหลายสไตล์ พร้อมบุฟเฟต์ชีส และชีสสี่ ดิป ให้เติมได้ไม่อั้นตลอด 1.30 ชั่วโมง

Responsive image
Share
ก๋วยเตี๋ยวเป็ดกะละมัง เสิร์ฟก๋วย...
ก๋วยเตี๋ยวเป็ดกะละมัง เสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวด้วยภาชนะที่่ไม่เหมือนใคร ให้...
ก๋วยเตี๋ยวเป็ดกะละมัง เสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวด้วยภาชนะที่่ไม่เหมือนใคร ให้อิ่มได้ในราคาเริ่มต้น (65 ฿)

Responsive image
Share
รีวิว Nose Tea #ชานมจมูกเขียว ร้...
รีวิว Nose Tea #ชานมจมูกเขียว ร้านชาผลไม้ที่จะมอบประสบการณ์ในการทาน...
รีวิว Nose Tea #ชานมจมูกเขียว ร้านชาผลไม้ที่จะมอบประสบการณ์ในการทานชาในรูปใหม่ให้ทุกคน

Responsive image
Share
เจอนี่ Journey Café • Eatery • B...
เจอนี่ Journey Café • Eatery • Bar ร้านอาหารสไตล์ไทย-ฟิวชั่น จุดนัด...
เจอนี่ Journey Café • Eatery • Bar ร้านอาหารสไตล์ไทย-ฟิวชั่น จุดนัดพบแห่งใหม่ในย่านลาดกระบัง

บรรยากาศภายในร้าน

          ร้านครกไม้ไทยลาวสาขาแรก (ลาดปลาเค้า 24) ตกแต่งบรรยากาศภายในร้านเป็นแบบอีสานพื้นบ้าน เหมือนได้ทานอาหารในต่างจังหวัด ส่วนการตกแต่งของสาขา 2 (รามอินทรา14 ซอยมัยลาภ) ตกแต่งแบบโล่งโปร่งสบาย สไตล์อีสานโมเดิร์นในบรรยากาศริมน้ำ


แค่เห็นทางเข้าด้านหน้า เหมือนได้มาเยือนถิ่นอีสานของจริง

 


ที่จอดรถของร้านมีบริเวณกว้าง

 

    SPONSORED


ด้านในของร้าน

 


มีเก้าอี้นั่งให้เลือกหลายสไตล์ตามความชอบ

 


โซนที่นั่งในสวนจะเปิดให้บริการช่วงเย็นเป็นต้นไป

 


ขนม และน้ำผึ้งเดือน 5 มาจากทั่วสารทิศในอีสาน แวะซื้อกลับบ้านได้ที่หน้าเคาน์เตอร์

 


 “ไข่ผำ” วางในตู้เก็บอาหารจนสะดุดตา เกิดขึ้นตามแหล่งน้ำสะอาดทุกที่ ชาวอีสานนิยมไปทำยำ และผัดต่างๆ

          สาขาลาดปลาเค้า 24 มีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์อย่างโต๊ะ-เก้าอี้ไม้สไตล์บ้านๆ เหมือนได้มาทานอาหารแบบคนกันเองอย่างชนบท พร้อมเปิดเพลงบรรเลงพิณแคนให้ได้อารมณ์ความเป็นอีสาน และเพิ่มความอ่อนหวานให้ร้านมากขึ้นด้วยโคมไฟสไตล์ล้านนา ส่วนการแต่งกายของพนักงานหญิงจะแต่งกายย้อนยุคทางภาคอีสานโดยการนุ่งซิ่น เพื่อให้ลูกค้าประทับใจในเอกลักษณ์ของศิลปวัฒนธรรมทางอีสาน

          ที่นั่งด้านในรับได้ 50-60 ที่นั่ง ส่วนที่นั่งในสวนมีประมาณ 22 โต๊ะ เนื่องจากช่วงกลางวันในสวนจะร้อนเป็นพิเศษ จึงเปิดให้บริการ 17.00 น. เป็นต้นไป ส่วนห้อง VIP (ห้องแอร์) สาขาลาดปลาเค้า 24 สามารถรองรับลูกค้าที่ต้องการจัดงานเลี้ยงได้ 40-50 ท่าน ส่วนใหญ่ลูกค้าประจำที่มาใช้บริการคาราโอเกะจะนำเครื่องเสียงมาเอง และควรโทรจองล่วงหน้าเพราะมีเพียงห้องเดียวครับ ส่วนสาขา2 (รามอินทรา14 ซอยมัยลาภ) ห้อง VIP จะรองรับลูกค้าได้ถึง 120 ท่าน และต้องจองล่วงหน้าเช่นกัน

 

อาหาร

          ทั้ง “เมนูต้นตำรับฉบับครกไม้ไทยลาว” “เมนูหาทานยาก” และ “เมนูน้องใหม่” ส่วนหนึ่งจะเป็นสไตล์อีสานจากทางจังหวัดอุบลราชธานี แต่บางรายการได้นำมาดัดแปลงให้มีความเป็นภาคกลาง หรือภาคเหนือ เพื่อให้ถูกปากลูกค้าจากทุกภูมิภาค

 

ผัก


ทางร้านเตรียมผักเขียวให้ทุกโต๊ะฟรี แต่ละวันจะได้ผักต่างกันออกไป

          สำหรับลูกค้าที่อยากทานผักพื้นบ้านแบบอีสาน ทางร้านมีขายแยกต่างหาก เช่น ผักกระโดน, ผักทูน, ผักเม๊ก, ผักติ้ว, ลิ้นฟ้า ฯลฯ ราคาชุดละ (10 ฿)

 

เมนูต้นตำรับฉบับครกไม้ไทยลาว

“ข้าวเหนียว”

          เอกลักษณ์ของข้าวเหนียวที่ร้านจะนำข้าวเหนียวทั้ง 2 สี คือข้าวเหนียวขาว และดำ นำมาผสมรวมกันในห่อเดียว และห่อใส่ใบตองพร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้า เพื่อให้ได้ทานข้าวเหนียวทั้ง 2 แบบพร้อมกัน


ข้าวเหนียวห่อละ (15 ฿) ทางร้านนำข้าวเหนียวใส่ห่อใบตอง และมัดมาอย่างดี

 


ข้าวเหนียว 2 สีสัน ในห่อเดียว เป็นรูปทรงสามเหลี่ยมสไตล์ไทยโบราณ

 


หยิบข้าวเหนียวคำเล็กๆ ก็ยังได้ทีเดียว 2 สี

ความรู้สึกต่อข้าวเหนียว :

          “ข้าวเหนียว” ของร้านมีความหอมนุ่ม ปริมาณทาน 1 ห่อ/คน อิ่มกำลังดี คนที่ชอบทานทั้งข้าวเหนียวขาว และข้าวเหนียวดำผสมกันไปเลย จะรู้สึกประทับใจไอเดียข้าวเหนียวของที่นี่ เพราะสั่งห่อเดียวแต่ได้ทานข้าวเหนียวถึง 2 แบบ ส่วนคนที่ชอบทานอย่างใดอย่างนึงเท่านั้น อาจจะรู้สึกว่าไม่มีตัวเลือก เพราะทางร้านมีข้าวเหนียวที่ผสม 2 แบบในห่อเดียวเท่านั้น

 

ข้าวจี่ใส่ไข่

          “ข้าวจี่ใส่ไข่” เป็นการนำข้าวเหนียวมาผสมกับไข่ไก่ที่ผ่านการปรุง ย่างด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 30 นาที ลูกค้าท่านใดที่สั่งเมนูนี้อาจต้องรอนานเล็กน้อย เพราะถ้าย่างข้าวเหนียวด้วยไฟแรงเกินจะทำให้ข้าวเหนียวไหม้ ทางร้านใช้ข้าวเหนียวขาวเป็นหลัก แต่นำข้าวเหนียวดำมาผสมเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติให้แตกต่างจากที่อื่น


ข้าวจี่ใส่ไข่ (60 ฿) ทอดมีสีกำลังสวย ขนาดเกือบเต็มจาน

 


หลังจากผ่าข้าวจี่เป็นชิ้น ทำให้แบ่งปันทานกันง่ายขึ้น

 

ความรู้สึกต่อข้าวจี่ใส่ไข่ :

          กรอบนอกนุ่มใน ตอนเสิร์ฟข้าวจี่จะมาเป็นก้อน แต่หลังจากให้พนักงานช่วยผ่าเป็นชิ้นทรงสามเหลี่ยมจะทานได้ง่ายพอดีคำ เมื่อหั่นข้าวจี่ 1 จาน จะได้ 8 ชิ้น สามารถทานแทนข้าวเหนียวได้ ทานคู่กับอาหารต่างๆ ได้ความแปลกใหม่ดีครับ

 

“ตำมั่วซั่วครกไม้”

          “ตำมั่วซั่วครกไม้” จะใส่หมูยอ, แคบหมู, ปูนานึ่ง, เส้นขนมจีน และใส่ปลาร้าประมาณช้อนนึง ทางร้านบอกว่าปลาร้าที่นี่ต้มเอง เคี่ยวเอง และปรุงรสชาติตามสไตล์ของร้าน หากลูกค้าท่านไหนสั่งส้มตำแต่ไม่ทานปลาร้า บอกทางร้านก่อนล่วงหน้าได้นะครับ


 ตำมั่วซั่วครกไม้ (60 ฿) ถึงชื่อเมนูมีคำว่ามั่วซั่ว แต่รสชาตินัวถูกใจคนชอบจัดจ้าน

 


เส้นขนมจีนดูค่อนข้างเยอะกว่ามะละกอส้มตำ ช่วยตัดความจัดจ้านของพริกได้บ้าง

 


อยากให้ปูนาหอมถึงเครื่องต้องคลุกเคล้ากับน้ำส้มตำปลาร้าก่อนทาน

ความรู้สึกต่อตำมั่วซั่วครกไม้ :

          เส้นขนมจีนนุ่มยาวคลุกเคล้ากับน้ำส้มตำได้กำลังดี ปูนานึ่งตัวเล็ก เคี้ยวทั้งตัวปูได้เลยเพราะไม่แข็งมาก กลิ่นของปลาร้าไม่แรงมาก ความเข้มข้นของรสปลาร้าอยู่ในระดับกลางๆ เพื่อให้คนส่วนใหญ่ทานได้สะดวกทุกคน แต่พริกค่อนข้างเยอะเนื่องจากเป็นสูตรทางอีสาน ใครทานรสจัดจ้านไม่ได้ต้องบอกทางร้านให้ลดปริมาณพริกครับ

 

“ไก่บ้านทอดเกลือ”

          ทีมงานได้สั่ง “ไก่บ้านทอดเกลือ” 1 ตัว ทางร้านใช้เวลาทอดประมาณ 30 นาที จากนั้นจะหั่นทุกส่วนใส่จานให้พร้อมทาน มีการแกะสลักผักให้สวยงาม พร้อมน้ำจิ้มไก่รสหวานให้ได้ทานคู่กัน ใครทานไก่ 1 ตัวไม่หมด สามารถขอสั่งแบบครึ่งตัวได้ครับ


ไก่บ้านทอดเกลือ 1 ตัว (180 ฿)

 


 เลือกหยิบชิ้นที่ชอบแล้วฉีกดูเนื้อใน จะพบความนุ่มของไก่บ้าน

ความรู้สึกต่อไก่บ้านทอดเกลือ :

          หนังไก่จะกรอบมีเค็มนำพอให้ได้รสชาติ เมื่อหั่นมาแล้วทางร้านยังได้จัดวางแต่ละส่วนอย่างเป็นระเบียบ เนื้อไก่ข้างในนุ่ม แต่น้ำจิ้มไก่รสชาติเหมือนทั่วๆ ไป การเลือกแกะสลักผักถือว่ามีความประณีต และใส่ใจองค์ประกอบในจานเป็นอย่างดี

 

เมนูน้องใหม่

“ไส้กรอกเนื้อโคขุน”

          ทางร้านบอกนำเนื้อโคขุนล้วนเอามาทำไส้กรอก เป็นอาหารอีสานดัดแปลงไปทางภาคเหนือ เสิร์ฟมาให้ทานพร้อมผัก


 ไส้กรอกเนื้อโคขุน (70 ฿) เหมาะกับคนชอบอาหารแปรรูป

 


ที่ร้านหั่นมาแบบพอดีคำ

ความรู้สึกต่อไส้กรอกเนื้อโคขุน :

          เมนูต่อไส้กรอกเนื้อโคขุนจะเสิร์ฟพร้อมผักแบบไม่มีน้ำจิ้ม คล้ายๆ เหมือนได้ทานไส้อั่วจากทางภาคเหนือเล็กน้อย หั่นชิ้นพอดีคำ ไส้ข้างในจะแน่น ควรรีบทานทันทีถ้าวางไว้นานไส้กรอกอาจจะแข็ง สำหรับคนที่ชอบทานอาหารสไตล์นี้แบบมีน้ำจิ้ม อาจจะรู้สึกขาดรสชาติไปบ้าง 

 

เมนูหาทานยาก

แกงคั่วเห็ดเผาะ

          ทางร้านบอกว่าเครื่องแกงที่ใช้ทำแกงคั่วเป็นสูตรของทางร้าน โดยใส่ชะอม, ใบชะพลู, เห็ดเผาะไซส์ใหญ่คัดมาพิเศษ นอกจากการปรุงรสชาติให้เข้าถึงเครื่องแกงสไตล์อีสาน ยังเน้นความสะอาดของตัวเห็ด


แกงคั่วเห็ดเผาะ (80 ฿) เหมาะกับคนชอบทานของหายากแบบจัดจ้าน

 


เห็ดเผาะ ใส่ชะอม และใบชะพลู ช่วยเพิ่มความหอมให้แกงคั่ว

ความรู้สึกต่อแกงคั่วเห็ดเผาะ :

          ตัวเห็ดกัดไปแล้วจะรู้สึกมีน้ำของตัวเห็ดออกมา ใครไม่เคยทานจะรู้สึกแปลกใจ บางรายติดใจก็มี เพราะยิ่งเคี้ยวจะยิ่งกรอบ เพลินกับเนื้อเห็ดเผาะ ซึ่งในแกงมีมาหลายชิ้น แต่ใครทานจัดจ้านไม่ได้ควรเลี่ยงการทานน้ำแกงคั่ว เพราะทางร้านทำไว้ค่อนข้างจัดจ้านเพื่อให้เห็ดเผาะ ชะอม และใบชะพลู รสชาติเข้าถึงกัน เพราะถ้าทำรสชาติอ่อนเกินไปจะเสียรสชาติอาหารได้ครับ

 

“หมกรังผึ้งอ่อน”

          ทางร้านนำผึ้งตัวอ่อนห่อกับใบตอง และนำไปย่างด้วยไฟอ่อนๆ ใครไม่ชอบรสค่อนข้างเค็มสามารถหยิบผึ้งอ่อนทานเปล่าๆ ได้เลย แต่ถ้าอยากเพิ่มรสชาติให้มีเค็มนำอยู่บ้างให้ทานผึ้งตัวอ่อนจิ้มเกลือ หรือบางคนที่เน้นความอิ่มทานผึ้งตัวอ่อนกับข้าวเหนียวก็มี

 


 หมกรังผึ้งอ่อน (60 ฿) ทางร้านคัดสรรมาแต่ผึ้งตัวอ่อนๆ

 


ใช้มือจับผึ้งตัวอ่อนแล้วจิ้มเกลือสะดวกที่สุด

ความรู้สึกต่อหมกรังผึ้งอ่อน :

          เมื่อกัดตัวผึ้งอ่อนจะมีน้ำใสๆ ออกมาซึ่งเป็นพวกไขมันของตัวผึ้งอ่อน รสชาติน้ำ และตัวผึ้งอ่อนจะใกล้เคียงกัน คือรสชาติคล้ายๆ ได้กลิ่นเมล็ดธัญพืช ใครทานไปเยอะจนเริ่มเลี่ยนสามารถจิ้มเกลือเพื่อตัดความเลี่ยนได้ หากจิ้มเกลือมากไปอาจจะเค็มเกิน ควรจิ้มทีละนิดก็พอครับ

 

“แมงดาทอด”

          ช่วงที่มีไข่แมงดาคือเดือนเมษายน-มิถุนายน (บางปีอาจหมดเร็วกว่านี้) ทางทีมงานจึงมีโอกาสได้ทานทั้งตัวแมงดาทอด และไข่แมงดาพร้อมกัน เพราะอยู่ในฤดูกาลที่มีไข่แมงดาพอดี ทางร้านนำแมงดาไปทอดไม่นานก็พร้อมเสิร์ฟให้ได้ทานเลย จะมีซอสแม็คกี้เผื่อใครอยากปรุงรสเพิ่มเติม หรือจะทานแมงดาทอดเปล่าๆ ก็ได้รสชาติหอมๆ ของกลิ่นแมงดาเช่นกัน


 แมงดาทอด (75 ฿) บรรดาแมงดามาจากทางอีสานหลายๆ จังหวัด

 


 แมงดาในฤดูมีไข่ ลำตัวจะดูอวบใหญ่

 


วิธีทานให้ดึงทุกขาออกมา จากนั้นหักหัว และตัว ถ้าชอบทานทั้งเปลือกสามารถทานได้เลย

 


ถ้าอยากทานแต่ไข่ ให้รูดเปลือกออก แต่สูตรอีสานของแท้ต้องทานทั้งเปลือก

 


หน้าตาชัดๆ ของ "ไข่แมงดา"

 

ความรู้สึกต่อแมงดาทอด :

          ทางร้านบอกว่าถ้าอยากทานแบบอีสานแท้ต้องเคี้ยวตัวแมงดาทั้งเปลือก แต่ทั้งใครยังไม่คุ้นชิ้นเลือกทานบางส่วน หรือทานเฉพาะไข่ก่อนก็ได้ครับ รสชาติไม่มีกลิ่นเหม็นนะครับ ใครที่รู้สึกกำลังกลัวเมนูนี้ลองเปลี่ยนมุมมองได้ เพราะที่ร้านนำไปทอด และปรุงจนมีรสชาติกลมกล่อม ทานไม่ยาก ส่วนเปลือกจะแข็งหน่อยใครฟันไม่ค่อยดีอาจทานไม่ค่อยถนัด แต่ตัวแมงดาแกะง่ายทั้งขา หัว ตัว ไข่จะเป็นเม็ดเล็กๆ เคี้ยวได้กรุบกรอบได้รสชาติโดยไม่ต้องพึ่งซอสแม็คกี้

 

เครื่องดื่ม และของหวาน

          ทางร้านมีน้ำสมุนไพรหลากหลายทั้งเก๊กฮวย, ใบเตย, กี่วี่+แอปเปิ้ล, น้ำพั๊นท์ บรรจุใส่ขวดจำหน่ายขนาด 1 ลิตร ซึ่งน้ำสมุนไพรดังกล่าวจะไม่มีขวดเล็กกว่านี้ ใครอยากทานน้ำขวดเล็กจะมีน้ำเปล่า และน้ำอัดลมไว้บริการ ในครั้งนี้ ทีมงานได้สั่งน้ำใบเตยวุ้น (ขวดใหญ่) จำนวน 1 ขวด 


น้ำใบเตยวุ้น (ขวดใหญ่) (100 ฿) มีวุ้นใบเตยรวมตัวกันอยู่ด้านล่างขวด

 


 น้ำแข็ง (25 ฿) มีชั้นวางสำหรับใส่เครื่องดื่มเพื่ออำนวยความสะดวก

 


น้ำสมุนไพรต่างๆ และขนม อยู่ในตู้ใกล้เคาน์เตอร์ ใครอยากพิจารณาก่อนสั่งสามารถเดินมาดูได้

 

          ของหวานที่ทีมงานเลือกคือ “เต้าหู้นมสด” ใส่เนื้อวุ้นมะพร้าว นอกจากนี้ยังมีรายการขนมทางร้านบอกว่าทำเองทั้งหมดอาทิ เต้าฮวยฟรุตสลัด, ลอดช่องใบเตย, ลูกตาลลอยแก้ว สละลอยแก้ว และกระท้อนลอยแก้ว เป็นต้น


เต้าหู้นมสด (35 ฿)

 


แก้วนี้รวมความหอมหวานของเต้าหู้นมสด และวุ้นมะพร้าว

 

ความรู้สึกต่อเครื่องดื่ม และของหวาน :

          "น้ำใบเตย" จะมีวุ้นเล็กๆ หั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก ทานคู่น้ำใบเตยกลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้มาก สำหรับใครไม่ชอบทานน้ำใบเตยแบบมีวุ้น สามารถเลือกแบบน้ำใบเตยล้วนได้ครับ เรื่องขนาดซึ่งมีขนาด 1 ลิตรให้เลือกเท่านั้น ทำให้คนที่ต้องการทานน้ำสมุนไพรแบบขวดเล็กหมดตัวเลือก แต่ทางร้านบอกว่าเครื่องขวดใหญ่หากทานไม่หมดนำกลับบ้านได้ครับ

          ส่วนของหวานอย่าง “เต้าหู้นมสด” ความมันอาจจะน้อยไปบ้างสำหรับคนที่ชอบทานมันแบบเข้มข้น แต่ความหวาน และหอมชัดเจนมากครับ เหมาะกับทานตอนอากาศร้อนแบบนี้ เพราะให้ความสดชื่นได้ดี

 

การเดินทาง


สังเกตุป้ายลาดปลาเค้า 24 แยก 2

 


แผนที่จาก Facebook ครกไม้ไทยลาว

          ใครที่จะมาร้านให้ยึดเส้นทางมามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เป็นหลัก พอลงอุโมงค์ตรงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เมื่อขึ้นจากอุโมงค์จะเจอไฟแดง จากนั้นให้เลี้ยวขวาพอถึงประมาณ 20 เมตร จะเจอซอยลาดปลาเค้า 24 จากนั้นให้เลี้ยวซ้าย และตรงเข้ามาอีก 50 เมตร และจะเห็นร้านอยู่ทางขวามือ หน้าร้านจะมีป้ายลาดปลาเค้า 24 แยก 2 ให้เป็นจุดสังเกตุ

          คนที่นำรถส่วนตัวมาสามารถนำรถมาจอดที่ด้านหน้าร้านได้เลย ตอนกลางวันที่จอดรถจะเพียงพอ แต่ถ้าลูกค้ามาช่วงเย็น และที่จอดรถเต็ม ให้จอดที่มูลนิธิตระกูลโล้ว โดยมีค่าจอดรถคันละ (20 ฿) ซึ่งจะไม่เกี่ยวกับทางร้านครับ

 

 

SPONSORED

การประเมิน และให้คะแนน

รูปแบบของการประเมิน

คะแนน

รสชาติอาหาร

4.2

บรรยากาศ

4

การบริการ

4.4

ความคุ้มค่า

4.6

คะแนนเฉลี่ย

4.3

 

          อาหารของทางร้านเป็นสไตล์อีสานขนานแท้ คนที่มาทานส่วนใหญ่มักจะชื่นชอบในรสชาติอันจัดจ้าน เมื่อพูดถึงอาหารอีสานคนก็จะนึกถึงส้มตำ และปลาร้า ส่วนค่าอาหาร ถ้าเทียบปริมาณ และความแปลกใหม่ที่ได้จากร้านนี้ถือว่าคุ้มค่ามาก ซึ่งจานเดียวสามารถอิ่มได้ในราคาเริ่มต้นที่หลักสิบ แต่ราคาเครื่องดื่มสมุนไพรขวดละ (100 ฿) ถือว่าค่อนข้างสูงเหมือนกันครับ

          อาหารที่นี่หลายอย่างหาทานยากจริงๆ ทั้งเห็ดเผาะ, ไข่แมงดา, ผึ้งตัวอ่อน ใช่ว่าร้านอาหารอีสานทุกแห่งจะมี ต้องเป็นร้านที่มีสายเลือดความเป็นอีสานจึงจะรู้แหล่ง รู้เทคนิคการหาวัตถุดิบ และการจัดเก็บให้ของไม่เสียหาย และยังให้ความสำคัญการเลือกใช้ใบตองเข้ามามีส่วนร่วมกับอาหาร

         เสียดายที่ร้านไม่มีข้าวเหนียวขาว และข้าวเหนียวดำ แบบแยกกันให้เลือก เพราะบางคนที่ไม่ชอบทานข้าวเหนียวดำ คงจะไม่ชอบทานแบบผสมครับ แต่ถ้าคนที่ชอบทานข้าวเหนียว 2 แบบ ถือเป็นความโชคดีที่ได้มาเจอร้านนี้ครับ

         เมนูที่ประทับใจคือ “แมงดาทอด” ที่ทางร้านสาธิตการทานตั้งแต่ขั้นตอนแรกให้ดูเป็นตัวอย่าง แถมมาตรงกับฤดูมีไข่ของแมงดา เหมือนได้มาทานอาหารหายากอย่างครบถ้วน ส่วน “ข้าวจี่ไส่ไข่” ซึ่งหลายคนอาจไม่ได้ทานกันบ่อยๆ นอกจากจะรสชาติดี ยังได้ความอิ่มมาก เผลอๆ อิ่มกว่าข้าวเหนียวธรรมดา แถมทางร้านยังมีบริการผ่าออกเป็นชิ้นให้ทานง่าย ช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น

         เรื่องน้ำจิ้มที่มาคู่กับเมนูบางรายการยังไม่มี ทำให้คนชอบทานอาหารแบบต้องมีน้ำจิ้มคู่กัน รู้สึกเหมือนยังขาดอะไรอยู่ เช่นเมนู ไส้กรอกเนื้อโคขุน ที่มีแต่ไส้กรอกมาเพรียวๆ

          บรรยากาศภายในร้านแม้จะร้อนอบอ้าว แต่ตกแต่งได้สวยงามเรียบง่าย เหมือนได้ยกเมืองอีสานมาตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ เก็บรายละเอียดความเป็นคนพื้นบ้านทางอีสานได้ดี เช่นการใช้เพลงบรรเลงพิณแคน ทำให้คนที่มาทานเหมือนไม่ได้ร้านอาหารในกรุงเทพฯ แต่เหมือนอยู่สักจังหวัดในภาคอีสาน

 

          สำหรับราคาอาหารทั้งหมดของทีมงาน RyoiiReview มียอดรวม (775 ฿) ซึ่งราคานี้ทางร้านครกไม้ไทยลาว ลาดปลาเค้า 24 ได้ลดค่าอาหารให้อีก 20% (เป็นจำนวนเงิน 81 ฿) ดังนั้นยอดรวมทั้งหมดที่ทีมงาน RyoiiReview จ่ายคือ (694 ฿)

          โดยมี ข้าวเหนียว 2 ห่อ (30 ฿), ข้าวจี่ใส่ไข่ (60 ฿), ตำมั่วซั่วครกไม้ (60 ฿), ไส้กรอกเนื้อโคขุน (70 ฿), แมงดาทอด (75 ฿), หมกรังผึ้งอ่อน (60 ฿), แกงคั่วเห็ดเผาะ (80 ฿), ไก่บ้านทอดเกลือ (1 ตัว) ราคา (180 ฿), เต้าหู้นมสด (35 ฿), น้ำใบเตยวุ้น ขวดละ (100 ฿) และน้ำแข็ง (25 ฿)

จุดเด่นของร้านครกไม้ไทยลาว (ลาดปลาเค้า 24)

          1. มีอาหารอีสานหลากหลายทั้งอาหารสูตรต้นตำรับของร้าน, อาหารแนะนำจากทางร้าน และเมนูหาทานยาก ที่ไม่ได้มีให้ทานกันทุกร้าน มาร้านนี้คนที่ไม่เคยสัมผัสสิ่งต่างๆ ของภาคอีสาน จะได้เจออะไรใหม่ๆ มากขึ้น

          2. ทางร้านรู้จักคุณค่าของใบตอง โดยนำมามีส่วนร่วมในอาหาร ช่วยให้ลูกค้ายุคใหม่ที่มาทานได้ซึมซับความเป็นไทยยุคเก่าที่นิยมใช้ใบตองมารอง และห่ออาหาร

          3. ทางร้านนำผักมาวางทุกโต๊ะ เพื่อให้ลูกค้าได้ทานผักคู่กับอาหาร และยังได้ประโยชน์มากขึ้น

          4. เมนูอาหารมีภาพประกอบชัดเจน และมีรายชื่ออาหารแบบภาษาอังกฤษ ช่วยให้ลูกค้าต่างชาติทำความเข้าใจอาหารที่นี่ง่ายขึ้น

          5. ราคาของอาหารคุ้มค่า สามารถเลือกทานได้ตั้งแต่ราคาเริ่มต้นหลักสิบ

          6. สไตล์การตกแต่งร้าน, เสียงเพลงที่เปิด รวมถึงเครื่องแต่งกายของพนักงานหญิงที่นุ่งซิ่นกันทุกคน ทำให้เหมือนได้เข้ามาในเมืองอีสานจริงๆ

          7. จำนวนพนักงานที่ร้านค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่จะได้รับการบริการอย่างรวดเร็ว อาหารเมนูไหนที่เราไม่สามารถจัดการได้เองเช่นการตัดข้าวจี่ที่มาเป็นก้อน สามารถบอกพนักงานให้ช่วยดูแลได้ทันที

          8. ใครที่เป็นสมาชิกของร้านครกไม้ไทยลาวยังได้ส่วนลด 10% เหมาะกับคนที่ชอบอาหารสไตล์นี้เป็นพิเศษ เพราะบัตรมีอายุ 1 ปี

          9. มีที่จอดรถกว้างขวาง ยิ่งมาตอนกลางวันจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องที่จอดรถเต็ม แต่ถ้ามาตอนเย็นแล้วที่จอดเต็มจริงๆ ยังมีที่สำหรับจอดแถวนี้ให้จอดแทน  

 

ข้อเสนอแนะ

          1. อากาศที่อบอ้าว ซึ่งคนที่มาใช้บริการอาจเลี่ยงข้อนี้ลำบาก หากอนาคตมีโอกาสอยากให้ทางร้านเพิ่มโซนที่นั่งแบบแอร์เข้ามาครับ

          2. ที่นั่งโซนด้านแสงค่อนข้างมืด หากใครถ่ายรูปอาจได้ภาพที่ยังดูไม่สว่างเท่าที่ควร

          3. น้ำสมุนไพรจะมีแต่ขวดใหญ่ ทำให้คนที่อยากทานน้อยกว่านั้น เพราะไม่อยากนำกลับเมื่อทานเหลือ ตัวเลือกน้อยลง อยากให้ทางร้านเพิ่มขนาดไซส์เล็กสำหรับน้ำสมุนไพรครับ

          4. ข้าวเหนียวที่นี่จะเป็น 2 สีผสมกัน คนที่ชอบทานแบบผสมจะติดใจ แต่คนที่ชอบแบบแยกคือข้าวเหนียวขาวล้วน หรือข้าวเหนียวดำล้วน จะหมดสิทธิ์ทานในสิ่งที่ต้องการ

          5. ป้ายรายชื่ออาหารตรงทางเข้าหน้าร้าน หากมีรายการไหนหมดในวันนั้น อยากทางร้านเขียนบอกด้วยครับว่าวันนี้เมนูไหนที่หมด เพื่อให้ลูกค้ารับทราบก่อนสั่งอาหาร เนื่องจากตอนทีมงานมาครั้งแรก และได้สั่ง “หมูดำหมักแจ่วย่าง” แต่วันนั้นทางร้านยังไม่มีครับ

          ร้านครกไม้ไทยลาวเหมือนยกเมืองอีสานมาไว้ที่กรุงเทพฯ ทั้งอาหารรสชาติแบบต้นตำรับจากอีสาน และอาหารหาทานยากอย่าง แมงดา, เห็ดเผาะ, ผึ้งตัวอ่อน ฯลฯ และยังตกแต่งอาหารสไตล์พื้นบ้านด้วยความประณีต ซึ่งทั้งหมดน่าจะชนะใจลูกค้าคนไทยทุกภาค และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบเสน่ห์ของภาคนี้ ใครอยากสัมผัสอาหารท้องถิ่นจากแดนอีสาน ลองแวะมาที่ “ครกไม้ไทยลาว” ได้ทั้ง 2 สาขา คือลาดปลาเค้า 24 และ รามอินทรา14 (ซอยมัยลาภ)

 

เขียนโดย
สายย่อขอรีวิว
จำนวนบทความที่รีวิว : 171
วันที่เขียนรีวิว : 2016/04/12
50.00 - 400.00 บาท
Rating Distribution
รสชาติอาหาร
4.20
การบริการ
4.00
ตกแต่งสถานที่
4.40
ราคาเหมาะสม
4.60
ที่อยู่ :
8 ซอยลาดปลาเค้า 24 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพ 10230 ต. จรเข้บัว อ. เขตลาดพร้าว จ. กรุงเทพมหานคร ประเทศ Thailand
เบอร์ติดต่อ :
025706234-5, 0891351230
ช่วงเวลา :
เปิดทุกวัน 11.00-23.00 น.
ช่วงราคา :
50.00 - 400.00 บาท
ที่จอดรถ :
มี
รับบัตรเครดิต :
มี
รับจองล่วงหน้า :
มี

TOP