[รีวิว] ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดกะละมัง (guaytiewped kalamung) พุงกางกับก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่พร้อมเที่ยวชมสัตว์ต่างๆ @ รามอินทรา 5

          สวัสดีครับผู้อ่าน RyoiiReview วันนี้ขออาสาพาทุกท่านไปทานเมนูเส้น ซึ่งไม่ได้ใส่ในชามก๋วยเตี๋ยวขนาดทั่วไป แต่เปลี่ยนเป็นใส่ลงในกะละมังแทน โดยพื้นที่นี้ยังเป็นมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และเปิดเป็น “สวนสัตว์เพื่อนเดรัจฉาน” ให้ประชาชนเข้ามาชมฟรี นอกจากได้ทานก๋วยเตี๋ยวเป็ดมีเอกลักษณ์ที่แปลกตรง “ภาชนะ” คนที่มาทานยังเพลิดเพลิน และได้ความรู้เรื่องสัตว์แต่ละชนิดจากสวนสัตว์แห่งนี้ด้วย
          เมื่อมีคนเข้ามาเที่ยวชม “สวนสัตว์เพื่อนเดรัจฉาน” เป็นประจำ เลยเกิดความคิดจะทำร้านอาหาร เพื่อให้คนที่มาชมสัตว์ ไม่ต้องลำบากออกไปหาของทานไกลๆ ซึ่งแถวนี้มีแต่ร้านก๋วยเตี๋ยวหมู-ไก่ เป็นส่วนใหญ่ บวกกับทางร้านชอบก๋วยเตี๋ยวเป็ด จึงตัดสินใจเปิดร้าน “ก๋วยเตี๋ยวเป็ดกะละมัง” ตั้งอยู่พื้นที่เดียวกับสวนสัตว์ แต่อยู่คนละโซน และสิ่งที่ไม่อยากให้เหมือนร้านอื่นคือเรื่องภาชนะ จึงเลือกใช้ “กะละมัง” ใส่ก๋วยเตี๋ยวเสิร์ฟให้ลูกค้า มีราคาเริ่มต้น (65 ฿) โดยเลือกใช้ส่วนของเนื้อ, ปีก, เครื่องในของเป็ดมาทำก๋วยเตี๋ยว  นอกจากมีก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่, เส้นใหญ่, เส้นเล็ก และบะหมี่ ยังมีเกาเหลา, ปีกเป็ดตุ๋น และข้าวหน้าเป็ดพะโล้ พร้อมเครื่องดื่ม ชา, กาแฟ, สมุนไพร, เฮลซ์บลูบอย และยังมีขนมหวานช่วยเพิ่มความสดชื่น

 

 

เมนู และราคา
          เห็นปริมาณที่เยอะจากก๋วยเตี๋ยวในกะละมัง แต่เรื่องราคาผมว่าแพงกว่าร้านที่ใส่ชามปกติไม่เท่าไรครับ ซึ่งราคาก๋วยเตี๋ยว และข้าวหน้าเป็ดพะโล้ เริ่มที่ (65 ฿) ส่วนราคาสูงสุดคือเมนูเกาเหลาเป็ด และปีกเป็ดตุ๋น ราคา (75 ฿)

เดินเข้ามาจะเจอเมนูทั้งหมดของร้าน

 

 

          เครื่องดื่มชา-กาแฟ จะมีประเภทร้อน เย็น ปั่น ราคาเฉลี่ย 35-55 บาท ส่วนน้ำสมุนไพรทั้ง เก๊กฮวย, กระเจี๊ยบ, มะตูม ราคาเท่ากันคือ (20 ฿), เครื่องดื่มเฮลซ์บลูบอย (25 ฿) และขนมหวานทั้งเฉาก๊วยนมสด และน้ำแข็งไส ราคา (25 ฿)

 

บรรยากาศภายในร้านอาหาร    
          ที่นี่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนร้านอาหาร และสวนสัตว์ สำหรับร้านอาหารจะตั้งอยู่ด้านหน้าใกล้ริมถนน มีโต๊ะรองรับลูกค้าประมาณ 5 โต๊ะ โต๊ะใหญ่จะนั่งได้ 6 คน และโต๊ะเล็กจะนั่งได้ 3-4 คน มุมทำก๋วยเตี๋ยว และโต๊ะอาหารจะอยู่ใกล้ๆ กัน หากขาดเหลืออะไรทำให้ลูกค้าเดินไปมาอย่างสะดวก  

เมื่อมาถึงจะเจอโซนของร้านอาหารเป็นอันดับแรก

 

 

บรรยากาศสวนสัตว์
          เมื่อเดินเข้าไปข้างในจะเป็นเขตสวนสัตว์ ที่นี่จะมีสัตว์นับอยู่ร่วมกันนับร้อยชีวิต ได้จัดสรรให้สัตว์อยู่ตามธรรมชาติของแต่ละชนิด โดยได้รับความคุ้มครองจาก มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่นี่มีสัตว์หลายประเภทอยู่ร่วมกัน อย่างสัตว์น้ำ อาทิ ปลาไทย และปลาสวายเผือก, สัตว์ครึ่งบก-ครึ่งน้ำ อาทิ จระเข้ที่เล็กที่สุดในโลก และจระเข้ขาว (ไทย), สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม อาทิ ลิง กระรอก และมาร์โมเซ็ท, สัตว์หากินกลางคืน อาทิ ชะมด ลิงลม และนางอาย, สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ปีกสวยงามหลากหลายชนิด ซึ่งบริเวณนี้จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเพื่อความปลอดภัยของทุกคน

 

ทางเดินเข้าไปใน “สวนสัตว์เพื่อนเดรัจฉาน”

 

บริเวณนี้เรียกว่า “จังกาล่า” เป็นภาษาอินเดีย หมายถึงพื้นที่สีเขียว

 

ที่นั่งพักผ่อนหลังจากเดินชมสัตว์นานาชนิด

 

ตู้สำหรับผู้ประสงค์จะบริจาคเงินสมทบค่าอาหารสัตว์

 

เดินเที่ยวชมสัตว์ด้วยความระมัดระวัง และหมั่นสังเกตป้ายบอกเตือนด้วยครับ

 

 

 

ลิงกระรอก

 

ลิงลม หรือนางอาย

 

เวลล์ คามิเลียน

 

คอมม้อน มาร์โมเซ็ท

 

งูหลามบอล (บอลไพธอน)

 

จระเข้ขาว (ไทย)

 

อุปกรณ์การทาน
          ภาชนะขนาดใหญ่ไม่ได้มีแค่กะละมังก๋วยเตี๋ยวเท่านั้น แต่ยังมีภาชนะอื่นๆ เช่น กะละมังใส่ขนมหวาน, ถาด และช้อน ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีภาชนะขนาดใหญ่

 

กะละมังเล็กใช้ใส่ขนมหวาน ส่วนกะละมังใหญ่ใช้ใส่ก๋วยเตี๋ยว และเกาเหลา 

 

กะละมังก๋วยเตี๋ยวมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 11 นิ้ว

 

กะละมังขนมหวานมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 6 นิ้ว

 

ช้อนขนาดใหญ่ และมีด้ามยาวช่วยให้จับถนัดมือ

 

 ถาดรองกะละมัง ช่วยเคลื่อนย้ายกะละมังก๋วยเตี๋ยวไปยังที่ต่างๆ สะดวก

 

อาหาร
          ไม่ว่าเลือกสั่งเมนูไหน จะได้พบเนื้อเป็ดพะโล้ทั้งส่วนปีก และเครื่องในอยู่ในกะละมังเหมือนกัน ทางร้านบอกว่าได้มีการดับกลิ่นคาวของเป็ดด้วยกระเทียม และสมุนไพร นอกจากช่วยให้เป็ดไม่มีกลิ่นคาว ยังเพิ่มความนุ่มให้เนื้อเป็ดอีกด้วย

 

เครื่องปรุง
          ทางร้านมีเครื่องปรุงวางไว้ให้ทุกโต๊ะ ในเครื่องปรุงจะมีพริกผัดน้ำมัน, น้ำปลา, น้ำส้ม และน้ำตาลครับ

ด้านหน้าคือพริกผัดน้ำมัน และขวดสูงๆ คือน้ำปลา

ความรู้สึกต่อเครื่องปรุง :
          “น้ำปลา” ของทางร้านเหมาะกับคนที่ตั้งใจปรุงให้ก๋วยเตี๋ยวมีรสเค็ม เคยเจอบางร้านเติมน้ำปลาเท่าไรก็ยังไม่เค็มสักที ส่วน “พริกผัดน้ำมัน” หน้าตาคล้ายพริกป่น และมีกลิ่นหอมเหมือนพริกคั่ว ใครทานเผ็ดอยู่แล้วยังรู้สึกถึงความจัดจ้านของพริกผัดน้ำมันครับ ดังนั้นใครไม่ชอบรสจัดจ้านอย่าเผลอเติมน้ำปลา และพริกผัดน้ำมัน มากเกินไป เดี๋ยวจะทานก๋วยเตี๋ยวกะละมังกันไม่หมดเสียก่อน

 

เส้นหมี่ก๋วยเตี๋ยวเป็ด
          หากใครต้องการถ่ายรูปก๋วยเตี๋ยวเป็ดกะละมัง แล้วอยากได้ภาพตอนยืดเส้นที่ดูสวยรับกับทรงกะละมัง ผมว่าเส้นหมี่เหมาะสุดครับ

เส้นหมี่ก๋วยเตี๋ยวเป็ด (65 ฿)

 

เส้นยาว และนุ่มได้ที่

 

ส่วนเนื้อเป็ดนุ่ม และไม่เหนียว

 

ทานแบบไม่ใส่เครื่องปรุง รสชาติก็ยังกลมกล่อม 

ความรู้สึกต่อเส้นหมี่ก๋วยเตี๋ยวเป็ด :
          เส้นหมี่นอกจากยาวรับกับพื้นที่กะละมัง เรื่องความนุ่มสอบผ่านทั้งเส้น และเนื้อเป็ดครับ ใช้เวลาในลวกเส้น และต้มเป็ดกำลังดี ทั้งเนื้อเป็ด และเครื่องในนอกจากไม่คาว ยังมีความนุ่ม และหั่นขนาดมาพอดีคำ จึงไม่ต้องออกแรงเคี้ยวมาก เมื่อทานไปสักพักเจอกระดูกอ่อนให้ได้เคี้ยวพอกรุบกรอบ และกระเทียมกลีบใหญ่ หากเจอแบบนี้ทุกครั้งคนรักการทานสมุนไพรน่าจะถูกใจมากครับ สำหรับน้ำก๋วยเตี๋ยวเป็ดกลมกล่อมได้รสชาติ บางคนไม่ชอบทานเผ็ดทานแบบไม่ต้องปรุงก็ยังได้

 

เส้นใหญ่ก๋วยเตี๋ยวเป็ด
          เส้นใหญ่ ขนาดเส้นดูกว้าง และนุ่ม ทานแล้วลื่นคอดีครับ เหมาะกับคนชอบทานเส้นแบบคำใหญ่

เส้นใหญ่ก๋วยเตี๋ยวเป็ด (65 ฿)

 

น้ำก๋วยเตี๋ยวไม่ร้อนจนเกินไป ทำให้ยกกะละมังสองมือเปล่าไม่ลำบาก

 

เส้นใหญ่นุ่ม ทานแล้วอิ่มทั้งเส้น และเนื้อเป็ด

 

ส่วนปีก เหมาะกับคนที่ชอบส่วนเนื้อ และหนังแบบติดกระดูก

 

พริกผัดน้ำมันเหมาะสำหรับคนชอบรสจัดจ้าน

 

เติมพริกผัดน้ำมันลงไป สีก๋วยเตี๋ยวดูแสบตาขึ้นทันที

ความรู้สึกต่อเส้นใหญ่ก๋วยเตี๋ยวเป็ด :
          รสชาติตอนยังไม่ผ่านการปรุงเหมือนกับเส้นหมี่ก๋วยเตี๋ยวเป็ด แต่ความร้อนของน้ำก๋วยเตี๋ยวที่นี่ ผมว่าไม่ได้ร้อนจัดถึงขั้นต้องเป่าก่อนทานทุกคำ ทำให้คนชอบน้ำร้อนๆ ทานแล้วรู้สึกว่าอุ่นไป แต่คนชอบทานน้ำก๋วยเตี๋ยวแบบไม่ร้อนจัดจะรู้สึกพอดีกับอุณหภูมิของน้ำก๋วยเตี๋ยว เนื้อตรงส่วนปีกอาจดูน้อยไปถ้าเทียบกับส่วนเนื้อ ปีกแต่ละอันจะมีเนื้อเยอะ และน้อยเท่ากันครับ แล้วแต่เราจะได้แบบไหน

 

เกาเหลาเป็ด
          เกาเหลาเป็ด เหมาะกับคนชอบทานเน้นแต่ส่วนเนื้อ และเครื่องในแบบไร้เส้น คนที่ต้องการงดแป้ง อิ่มได้เป็นกะละมังแบบไม่ต้องกลัวอ้วนครับ

 

เกาเหลาเป็ด (75 ฿) ราคาสูงกว่าเมนูก๋วยเตี๋ยว แต่ได้ทานเนื้อเป็ดเต็มอิ่มกว่า

ความรู้สึกต่อเกาเหลาเป็ด :
          รสชาติเหมือนเมนูก๋วยเตี๋ยวทุกประการ สังเกตว่าปริมาณถั่วงอกของก๋วยเตี๋ยวที่นี้ไม่ได้เยอะจนเกินไป คนที่ชอบอาจรู้สึกว่ายังทานถั่วงอกได้ไม่เพียงพอครับ

 

ปีกเป็ดตุ๋น
          เหมาะกับคนตั้งใจมาทานส่วนปีกโดยเฉพาะครับ ซึ่งจะใส่ในกะละมังที่มีขนาดเล็กลง

 

ปีกเป็ดตุ๋น (75 ฿)

 

ความรู้สึกต่อปีกเป็ดตุ๋น :
          รสชาติของน้ำจะแตกต่างกับเมนูก๋วยเตี๋ยว และเกาเหลาครับ ตรงที่มีรสชาติออกเค็มนำ แบบที่ไม่ต้องเติมน้ำปลาเพิ่ม เมนูนี้ควรทานกับข้าวเปล่าร้อนๆ เพื่อดับความเค็มลง ส่วนรสชาติของปีกจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีกที่อยู่ในเมนูก๋วยเตี๋ยวครับ
          เนื่องจากวันที่ทีมงานมา เมนูปีกเป็ดตุ๋นของทางร้านใกล้จะหมด ทีมงานเลยได้ทานปริมาณน้อยกว่าปกติในราคาพิเศษ แต่ถ้าของยังมีจำหน่ายปกติจะได้ปีกเป็ดตุ๋นจำนวนเยอะกว่าภาพที่เห็นครับ

 

ของหวาน และเครื่องดื่ม
          เมนูของหวานที่มีทุกวันคือ น้ำแข็งไสใส่เฉาก๊วย, ลูกชิด และเม็ดแมงลัก ส่วนใครชอบน้ำแข็งไสใส่มัน และวุ้น จะมีเพียงบางวันครับ เมนูเครื่องดื่มจะมีความหลากหลายอย่างเห็นได้ชัด ทีมงานจึงขอเรียกความสดชื่นด้วยน้ำสมุนไพร อย่างน้ำเก๊กฮวย และกาแฟเอสเปรสโซเย็น

 

น้ำแข็งไสใส่เฉาก๊วย, ลูกชิด และเม็ดแมงลัก (25 ฿)

 

น้ำเก๊กฮวย (20 ฿) (ขวา) และกาแฟเอสเปรสโซเย็น (50 ฿) (ซ้าย)

ความรู้สึกต่อของหวาน และเครื่องดื่ม :
          น้ำเชื่อมในน้ำแข็งไสความหวานดูเบาบางมาก ถ้าเป็นคนไม่ทานหวานจัดน่าจะรู้สึกพอดี ส่วนเฉาก๊วยหั่นสี่เหลี่ยมได้ค่อนข้างหนา ทำให้ได้ทานเนื้อเฉาก๊วยเต็มๆ ลูกชิดชิ้นโตเคี้ยวอร่อยหนุบหนับครับ เพิ่มเติมด้วยเม็ดแมงลักเข้าไปทำให้อิ่มเอาเรื่องกับเมนูขนมหวาน
          ส่วนเครื่องดื่มอย่างน้ำเก๊กฮวยค่อนข้างหอม ทานแล้วสดชื่น แต่ละลายกับน้ำแข็งเร็วมากๆ ใครที่สั่งมาดื่มอย่าปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปครับ สำหรับกาแฟเอสเปรสโซเย็นรู้สึกความเข้มของกาแฟยังน้อยไปครับ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบกาแฟรสเข้มมากนัก

 

การเดินทาง

 

          จากวงเวียนหลักสี่ เมื่อมาถึงเซ็นทรัลรามอินทราให้เลยมาอีกซอย จากนั้นจะเจอซอยรามอินทรา 5 ให้เลี้ยวซ้าย และตรงเข้ามาอีก 800 เมตร พอเจอป้ายรามอินทรา แยก 2 ให้ตรงมาอีกนิดเดียว และมองไปด้านหน้าจะเห็นป้ายร้านสีแดง ซึ่งร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดกะละมังจะอยู่ทางขวามือ คนที่นำรถส่วนตัวมาสามารถจอดตามแนวริมถนนซอยรามอินทรา 5 ได้เลยครับ

SPONSORED

การประเมิน และให้คะแนน

 

รูปแบบของการประเมิน	คะแนน
รสชาติอาหาร	3.8
บรรยากาศ	4
การบริการ	3.8
ความคุ้มค่า	4.5
คะแนนเฉลี่ย	4

 

          ความเรียบง่าย และดูโบราณของ “กะละมัง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของก๋วยเตี๋ยว นอกจากใช้บรรจุได้มากกว่าชามทั่วไป รูปทรงยังมีเสน่ห์ที่สร้างความตื่นตาให้กับคนมาทาน
          ราคาของก๋วยเตี๋ยวเป็ดกะละมังทำให้ลูกค้ารู้สึกเต็มใจอุดหนุน เพราะค่าอาหารไม่แพง ยิ่งคนที่รักการถ่ายรูป จะไม่พลาดการเซลฟี่เมนูที่ร้าน เพราะติดใจในความแปลกของภาชนะ ทุกท่านที่มาทานยังมีส่วนร่วมทำบุญให้กับมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดยรายได้ส่วนหนึ่งหลังจากหักค่าใช้จ่ายจะนำไปเป็นค่าดูแลสัตว์นับร้อยชีวิตใน “สวนสัตว์เพื่อนเดรัจฉาน”  
          เมนูของที่นี่เหมาะกับคนที่ชอบทานเมนูเป็ดโดยเฉพาะ แต่เสียดายวันที่ทีมงานมารีวิวทางร้านไม่มีเมนูข้าว ถ้าใครไม่อยากพลาดเมนูข้าวหน้าเป็ดพะโล้ควรรีบมาทานก่อนบ่ายโมง ยิ่งวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีคนมาชมสวนสัตว์ค่อนข้างมาก ควรปรับเวลาการเดินทางให้เร็วขึ้น
          บรรยากาศภายในร้านเป็นกันเอง เพราะพนักงานโซนอาหารมีน้อย และลูกค้าจะเป็นแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ทำให้ลูกค้าต้องให้บริการตัวเองในบางครั้ง เช่น การยกอาหารมาเองที่โต๊ะ
          หากวันที่ลูกค้ามาเป็นจำนวนมาก โต๊ะอาหารที่ร้านอาจมีไม่เพียงพอ แต่สามารถยกอาหารไปทานตามที่นั่งของเขตสวนสัตว์ได้ครับ
          “สวนสัตว์เพื่อนเดรัจฉาน” มีจุดประสงค์เน้นการให้ความรู้เรื่องสัตว์ ที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลสัตว์ที่อยู่ในความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมง ใครที่มาเยี่ยมชมโปรดอ่านข้อระเบียบที่ติดไว้ตามจุดต่างๆ ให้เข้าใจ ควรฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ และไม่ควรทำอะไรโดยพลการ เพราะสัตว์แต่ละประเภทเขาจะอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมอย่างสงบ ฉะนั้นมนุษย์ก็ไม่ควรสร้างความเดือดร้อนให้สัตว์เช่นกัน

 

จุดเด่นของร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดกะละมัง
          1. ก๋วยเตี๋ยวเป็ดกะละมัง ทำให้ลูกค้าได้ทานเยอะ ในราคาไม่แพง หลายคนที่มาทานจะรู้สึกอิ่มตั้งแต่กะละมังแรก ทำให้ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มโดยสั่งก๋วยเตี๋ยวกะละมังต่อไป หรือถ้ามาทานกันหลายคนในกะละมังเดียว ยิ่งช่วยให้ได้ทานในราคาถูกลง
          2. ขณะทานก๋วยเตี๋ยวไม่มีกลิ่นคาวจากเป็ดมารบกวน เพราะที่ร้านนำเป็ดมาต้มกับสมุนไพรเพื่อดับกลิ่นคาว
          3. มีถาดขนาดใหญ่ใช้รองรับกะละมังสะดวก และยังมีช้อนขนาดพิเศษช่วยตักอาหารในกะละมังง่ายขึ้น
          4. รสชาติอาหารเหมาะทั้งคนที่ทานเผ็ด และไม่ทานเผ็ด หากใครชอบทานรสจัดจ้าน แค่เติมพริกผัดน้ำมันลงในก๋วยเตี๋ยวก็จะได้รสชาติที่ถูกใจมากขึ้น 
          5. ขนมหวานยังคงอยู่ในคอนเซ็ปต์ภาชนะแบบกะละมัง ทุกเมนูจึงช่วยดึงดูดใจลูกค้า
          6. มีเครื่องดื่มให้เลือกหลายเมนู ช่วยให้คนที่กระหายน้ำหลังจากเที่ยวชมสวนสัตว์หาซื้อได้อย่างสะดวก
          7. ได้เข้ามาชมธรรมชาติของสัตว์ พร้อมเก็บเกี่ยวความรู้จากสวนสัตว์เพื่อนเดรัจฉาน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

 

ข้อเสนอแนะ
          1. อยากให้ทางร้านเพิ่มส่วนของน่องเป็ด เพื่อลูกค้าที่ชอบทานเนื้อเป็ดรู้สึกว่ามาที่นี่ได้ทานส่วนสำคัญของเป็ดครบ
          2. ในส่วนของเครื่องปรุงอยากให้มีถั่วป่น, กากหมู มาช่วยเพิ่มความกรอบมันของรสชาติก๋วยเตี๋ยว
          3. อยากให้ก๋วยเตี๋ยวมีผักอื่นๆ ที่นอกเหนือจากถั่วงอก เช่น มะระดิบ ผักบุ้ง กะหล่ำปลี เป็นต้น
          4. สถานที่จอดรถจะจอดได้เฉพาะริมถนนซอยรามอินทรา 5 บางคันไม่สามารถเลือกที่จอดได้ ทำให้ต้องจอดไกลจากร้าน และต้องเดินย้อนกลับมาไกล
          5. พนักงานประจำร้านอาหารมีจำนวนน้อย ลูกค้าบางท่านที่ไม่ชอบการบริการตัวเอง อาจรู้สึกว่าที่นี่ยังให้บริการได้ไม่ทั่วถึง
          6. เมนูข้าวมักจะหมดเร็ว ทำให้คนที่ตั้งใจมาทาน และกลัวว่าของจะหมด ต้องแข่งกับเวลาการเดินทางมาร้าน
          7. อากาศในร้านค่อนข้างอบอ้าว อนาคตอยากให้ทางร้านทำให้กระจก และติดเครื่องปรับอากาศเพิ่มครับ นอกจากช่วยเพิ่มความเย็น ยังป้องกันฝุ่นละอองจากภายนอกด้วย
          8. อยากให้ทางร้านมีผ้าเย็นจำหน่าย เผื่อคนที่เข้ามาเที่ยวสวนสัตว์ หรือมาทานก๋วยเตี๋ยววันที่อากาศร้อน จะได้มีตัวช่วยผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
          9. ร้านอาหาร และสวนสัตว์ตั้งอยู่ใกล้กัน ทำให้เจอปัญหาเรื่องกลิ่นของสัตว์อย่างไม่อาจเลี่ยงได้ อยากฝากทางร้านช่วยหาวิธีขจัดกลิ่นให้เบาบางลง เช่น หาสเปรย์มาฉีดโซนอาหารเป็นระยะๆ ครับ

          อย่างที่ทุกท่านทราบว่าร้านอาหาร และสวนสัตว์เป็นพื้นที่เดียวกันเพียงแต่มีการแบ่งโซน ขณะทานก๋วยเตี๋ยวอาจได้กลิ่นจากสวนสัตว์เป็นระยะๆ ซึ่งคนที่ตั้งใจมาทานน่าจะทราบเรื่องนี้กันดีว่าเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก แต่สำหรับคอนเซ็ปต์ของร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดกะละมัง ที่มีการนำภาชนะเข้ามาชูจุดเด่น และตั้งราคาอาหารไม่สูง พร้อมเปิดโอกาสให้คนมาชมสวนสัตว์เดรัจฉานโดยที่ไม่ต้องเสียค่าเข้า  และมีโอกาสได้มาทำบุญเพื่อช่วยเหลือสัตว์ร่วมโลกด้วย นับว่าเป็นสถานที่ที่อยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง รับรองว่าจะได้ประสบการณ์ดีๆ กลับไปแน่นอน