รีวิว Varvana a Cafe&Bar ร้านอาหารสไตล์คาเฟ่ทรอปิคอล มาพร้อมเมนูสุดพิถีพิถัน พิเศษช่วงเย็นมีบรรยากาศเหมาะสำหรับแฮงค์เอาท์แบบเก๋ๆ

         วันนี้ Ryoii จะมาแนะนำร้านอาหารย่านลาดกระบัง ร้านอาหารที่มาในรูปแบบคาเฟ่มีการตกแต่งสไตล์ทรอปิคอลเน้นธรรมชาติ รวมไปถึงเมนูอาหารที่มีการคัดเลือกวัตถุดิบอย่างดี เท่านั้นยังไม่พอสำหรับใครที่ชอบแฮงค์เอาท์ในช่วงตอนเย็นบรรยากาศร้านก็วิวดีน่านั่งไม่แพ้กัน เรียกได้ว่ามาร้านเดียวนั่งได้ตั้งแต่เช้าถึงเย็นเลยก็ว่าได้ และเพื่อเป็นการไม่เสียเวลาตามมาดูกันเลยค่ะว่าเมนูอาหารและบรรยากาศร้านจะเป็นอย่างไรกันบ้าง 

การเดินทาง

         ร้าน Varvana a Cafe&Bar ตั้งอยู่ ถนนลาดกระบัง ติดกับคลองบัวลอย สำหรับเพื่อนๆ ที่เดินทางด้วยไฟฟ้าสามารถนั่งรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ มาลงสถานีลาดกระบัง จากนั้นนั่งรถแท็กซี่วิ่งผ่านแยกลาดกระบังไปประมาณ 2 กม. พอถึงถนนข้ามคลองบัวลอยให้สังเกตป้าย Zebra Outlet (ด้านซ้ายมือ) จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลย เพราะร้านจะอยู่ติดกับ Zebra Outlet ค่ะ ส่วนใครที่นำรถยนต์มาเองสามารถนำมาจอดได้ที่ลานจอดรถหน้าร้านได้เลยค่ะ (สามารถจอดรถได้ประมาณ 140 คัน)

แผนที่ร้าน : 324 1 ถนน ลาดกระบัง แขวง ลาดกระบัง เขต ลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520

 

...
Responsive image
Share
Baiyoke The Great Buffet เมนูพรี...
Baiyoke The Great Buffet เมนูพรีเมียมนานาชาติ พร้อมชมวิวสูงสุดแบบ 3...
Baiyoke The Great Buffet เมนูพรีเมียมนานาชาติ พร้อมชมวิวสูงสุดแบบ 360 องศา

Responsive image
Share
หมูหมึกกุ้ง ร้านหมูกระทะ บรรยากา...
หมูหมึกกุ้ง ร้านหมูกระทะ บรรยากาศดีบนดาดฟ้าสุดชิล ย่านอารีย์-สะพานค...
หมูหมึกกุ้ง ร้านหมูกระทะ บรรยากาศดีบนดาดฟ้าสุดชิล ย่านอารีย์-สะพานควาย @The HUB Phahol-Ari

Responsive image
Share
รีวิว The Chocolate Factory เขา...
รีวิว The Chocolate Factory เขาใหญ่ ร้านอาหารอิตาเลียนและของหวานสำ...
รีวิว The Chocolate Factory เขาใหญ่ ร้านอาหารอิตาเลียนและของหวานสำหรับคนรักช็อกโกแลต

Responsive image
Share
ราดหน้ายอดผักสูตร 40 ปี ศาลเจ้าพ...
ราดหน้ายอดผักสูตร 40 ปี ศาลเจ้าพ่อเสือ ร้านเก่าแก่ย่านพระนคร ดีกรีค...
ราดหน้ายอดผักสูตร 40 ปี ศาลเจ้าพ่อเสือ ร้านเก่าแก่ย่านพระนคร ดีกรีความอร่อยระดับมิชลิน ไกด์!

Responsive image
Share
Teppen Yakiniku (เท็ปเป็นยากินิก...
Teppen Yakiniku (เท็ปเป็นยากินิกุ) ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นสุดพรีเมียมย...
Teppen Yakiniku (เท็ปเป็นยากินิกุ) ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นสุดพรีเมียมย่านทองหล่อ

บรรยากาศภายในร้าน 

       ร้าน Varvana a Cafe&Bar เปิดให้บริการมา 1 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ร้านสไตล์ทรอปิคอลเน้นธรรมชาติมีต้นไม้ร่มรื่น โดยเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้จะสื่อถึงความเป็นธรรมชาติด้วยโทนสีน้ำตาลและเป็นโต๊ะหินอ่อน ภายในตกแต่งด้วยต้นไม้จริง บรรยากาศร้านสูงโปร่งเหมือนยกธรรมชาติมาไว้ในร้าน ซึ่งคอนเซ็ปต์ร้านก็จะเชื่อมโยงสื่อไปถึงเมนูอาหาร 

       โดยร้านจะเปิดให้บริการวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-24.00 น. ซึ่งครัวจะเปิดช่วง 11.30-21.30 น. ช่วงเช้าก่อนครัวเปิดลูกค้าสามารถสั่งเครื่องดื่มชา กาแฟ ขนมปัง และแพนเค้กมาทานได้ พอถึงช่วง 11.30 น. ครัวเริ่มเปิดลูกค้าสามารถสั่งเมนูอาหารภายในร้านได้ตามปกติ ซึ่งครัวจะปิดอีกทีตอน 21.30 น. แต่หลัง 22.00 น. ทางร้านจะให้บริการอาหารในบางเมนูมีทั้งอาหารว่าง สลัด มีให้เลือกถึง 15 เมนูด้วยกัน 

       นอกจากนี้ความพิเศษของทางร้านคือลูกค้าสามารถพาน้องหมามานั่งเล่นที่ร้านได้ โดยร้านมี wifi ฟรีให้บริการ นอกจากนี้ในช่วงเย็นๆ สำหรับใครที่กำลังมองหาแหล่งแฮงค์เอาท์เก๋ๆ ร้านนี้ก็สามารถตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว เพราะในช่วงตอนเย็นจะมีวงดนตรีสดมาเล่นให้ฟังทุกวันพุธ-เสาร์ 19.00 น. เป็นต้นไป อีกทั้งบรรยากาศภายในร้านจะปรับเปลี่ยนสีไฟให้เข้ากับบรรยากาศตามช่วงเวลานั้นๆ หากลูกค้าท่านไหนที่มากันหลายคนสามารถโทรจองล่วงหน้าได้ที่เบอร์ 02-115-4642 และ 082-656-2235 หรือจองผ่านไลน์: @varvanacafe

    SPONSORED

บรรยกาศหน้าร้าน

ภายในร้านตกแต่งได้น่านั่ง

เฟอร์นิเจอร์เน้นเรียบหรู

บรรยากศร้านโซน Outdoor

บรรยากาศช่วงกลางคืน

มีการปรับเปลี่ยนสีไฟให้เข้ากับช่วงเวลานั้นๆ

โซนดนตรีสด

โซน Outdoor ตอนกลางคืน

เมนูและราคาอาหาร 

        ร้าน Varvana a Cafe&Bar เป็นร้านอาหารที่จริงจังโดยมาในรูปแบบบรรยากาศสไตล์คาเฟ่ ซึ่งอาหารแต่ละเมนูก็จะตรงตามคอนเซ็ปต์ร้าน คือ เน้นการทำอาหารแบบธรรมชาติ อาหารที่อยู่ในจานทุกอย่างสามารถทานได้ ส่วนเมนูอาหารก็จะเป็นสไตล์ฟิวชั่นที่ผสมผสานมาได้อย่างลงตัว รวมไปถึงการเลือกใช้วัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี มีการใช้วัตถุดิบนำเข้า เลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่จากฟาร์ม รวมไปถึงการเก็บรักษาวัตถุดิบ ทางร้านเลือกใช้เป็นตู้แช่ของแยกกัน จึงการันตีในเรื่องความสดใหม่ได้อย่างแน่นอน 

        นอกจากนี้ในส่วนของตัวซอส น้ำสลัด และน้ำจิ้ม ทางร้านจะใช้วัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติโดยไม่มีผงชูรสหรือสารกันบูด โดยแต่ละเมนูจะทำแบบจานต่อจาน ไม่มีการสต็อกเครื่องปรุงค้างคืนอย่างแน่นอน และด้วยความตั้งใจและพิถีพิถันของเชฟ ทำให้ได้เมนูอาหารที่เต็มไปด้วยประโยชน์มากมาย ซึ่งในแต่ละจานก็มีการตกแต่งมาได้น่าทานสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปอาจจะถูกใจ

        เมนูอาหารในวันนี้ทางร้านก็ได้เลือกเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์มาให้เราได้ชิมกัน ไม่ว่าจะเป็น ฟิเลท์กะพงทอดน้ำปลาที่เลือกแต่ส่วนเนื้อปลาชั้นดี สลัดอาโวคาโดซอสส้มประกอบด้วยอาโวคาโดนำเข้าจากนิวซีแลนด์ และแซลมอนแช่น้ำปลาแซลมอนสดใหม่นำเข้าจากนอร์เวย์โดยมีใบเซอร์รับรอง และเมนูยังไม่หมดเพียงเท่านี้ว่าแต่จะมีเมนูไหนน่าสนใจกันบ้างก็ตามมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ

 

 
ฟิเลท์กะพงทอดน้ำปลา (FRIED SEA BASS) ราคา 240 บาท

        ปลากะพงทอดถูกจัดแต่งใส่จานมาอย่างสวยงาม ด้วยขั้นตอนการทำเมนูอย่างพิถีพิถันและใส่ใจของเชฟ โดยมีการเลือกเนื้อปลาส่วนดีนำกางออก นำไปชุบแป้งบางๆ แล้วลงไปทอดจนได้สีเหลืองสวย เสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้ม 3 รสด้วยกัน ได้แก่ น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มยำมะม่วง และน้ำปลารสชาติกลมกล่อม ส่วนผักทุกอย่างที่ตกแต่งมาในจานสามารถทานได้ทั้งหมดเลยค่ะ

 

 

สลัดอาโวคาโดซอสส้ม (AVOCADO SALAD WITH ORANGE SAUCE) ราคา 190 บาท 

          สำหรับคนรักสุขภาพบอกเลยถูกใจแน่นอนกับ "สลัดอาโวคาโดซอสส้ม" โดยทางร้านเลือกใช้ผักปลอดสารพิษ ประกอบไปด้วย อาโวคาโด (นำเข้าจากนิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย) ส้ม มะเขือเทศ ขนมปังกรอบ และตกแต่งจานด้วย ดอกอัญชัน แครอท และเรดโอ๊ค (ผักสลัด) ราดด้วยน้ำซอสส้ม เป็นซอสสูตรเฉพาะที่ทำขึ้นเองไม่มีสารกันบูด ซึ่งขั้นตอนการล้างผักของทางร้านในทุกๆ เมนูจะผ่านการล้างถึง 4 น้ำด้วยกัน รับรองความสะอาดได้อย่างแน่นอนค่ะ 

 

สำหรับคนรักสุขภาพต้องลองสั่งเมนูนี้ค่ะ 

 

แซลมอนแช่น้ำปลา (VARVANA SALTY SALMON TROUT) ราคา 200 บาท 

         ปลาแซลมอนแช่น้ำปลาถูกจัดมาเป็นคำๆ พร้อมเสิร์ฟคู่น้ำจิ้มซีฟู้ด ตกแต่งมาด้วยผักสลัด มะเขือเทศ และแครอท โดยทางร้านเลือกใช้นอร์วีเจียนแซลมอนนำเข้าจากประเทศนอร์เวย์มีใบเซอร์รับรอง แซลมอนจะมีความสดใหม่เห็นลายแซลมอนได้อย่างชัดเจน ซึ่งแต่ละคำก็จะประกอบไปด้วย ปลาแซลมอล ขนมจีน พริก กระเทียม และผัก Dill (ดิลล์) ไว้ตกแต่งด้านหน้า ส่วนน้ำจิ้มของทางร้านมีให้เลือกหลายระดับชอบเผ็ดมากเผ็ดน้อยสามารถสั่งได้เลยค่ะ เพราะเชฟมีการปรุงน้ำจิ้มขึ้นมาใหม่แบบถ้วยต่อถ้วย

 

 

สเต๊กเนื้อออสเตรเลีย ริบอาย (AUSTRALIAN RIBEYE STEAK) ราคา 750 บาท 

        สเต๊กเนื้อถูกย่างมาในระดับมีเดียมแรร์ (Medium Rare) โดยเชฟจะนำไปอบก่อนแล้วนำไปย่างในเตาย่างถ่านหินจากนั้นปรุงรสด้วยเกลือหิมาลายัน เสิร์ฟมาพร้อมมันบดเนื้อเนียนนุ่ม พร้อมมีซอสมาให้เลือก 2 ซอสด้วยกัน ได้แก่ ซอสไวน์แดง และซอสแจ่ว และที่ขาดไม่ได้ คือการตกแต่งจาน โดยจะมีการตกแต่งมาด้วยผักย่าง และซอสมิกซ์เบอร์รี่เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่ผ่านการผสมผสานมาอย่างลงตัว ซึ่งผักที่เสิร์ฟมาในจานสามารถทานได้หมดเลยจ้า 

 

 

ซี่โครงหมูบาร์บีคิว (BARBECUE PORK RIBS) ราคา 290 บาท 

           เสิร์ฟใส่เขียงมาพร้อมเครื่องเคียงและสลัดผัก โดยตัวน้ำสลัดและน้ำซอสจะถูกแยกออกจากกัน สำหรับคนชอบทานมากทานน้อยสามารถเลือกราดได้ตามใจชอบ โดยซี่โครงมีชิ้นใหญ่กำลังดี ทางร้านมีขั้นตอนการทำอย่างพิถีพิถันจนได้สีน้ำตาลสวย ในส่วนของน้ำซอสหากใครที่ต้องการขอเพิ่มสามารถบอกพนักงานได้ 

 

 

ยำอกเป็ดส้มโอ (SPICY MAYO POMELO DUCK BREAST SALAD) ราคา 200 บาท

          เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทานแล้วรู้สึกเพิ่มความสดชื่น โดยเมนูนี้ส่วนประกอบหลักจะเป็นส้มโอ อกเป็ดอบ มะเขือเทศ กุ้งแห้งป่น ถั่ว สะระแหน่ และที่ขาดไม่ได้เลยคือน้ำยำ ซึ่งน้ำยำจะถูกปรุงขึ้นมาใหม่แบบถ้วยต่อถ้วย ขั้นตอนการทานให้ราดน้ำยำลงไปให้ทั่วและคลุกเคล้าให้เข้ากัน หากใครต้องการน้ำยำเพิ่มสามารถขอเพิ่มได้ หรือจะเลือกระดับความเผ็ดมากเผ็ดน้อยก็ได้เช่นกัน 

 

 

พาสต้าซอสพริกเผากุ้ง (PASTA THAI CHILI PASTE SAUCE) ราคา 190 บาท 

          หากใครที่ชอบทานพาสต้าแนะนำให้สั่งเมนูนี้เลยค่ะ ซึ่งจะเป็นการผสมผสานเมนูอาหารไทยกับพาสต้าเข้าด้วยกัน สามารถเลือกเส้นได้ 2 เส้น ระหว่างเฟตตูชิเนกับสปาเกตตี โดยเมนูนี้จะใช้เป็นเส้นสปาเกตตีไปผัดเข้ากับซอสพริกเผากุ้งที่เป็นสูตรของทางร้านถูกปรุงขึ้นมาใหม่แบบจานต่อจาน เสิร์ฟมาพร้อมกุ้ง 3 ตัว และไข่แดงออนเซ็น เวลาทานแนะนำให้คลุกเคล้าทุกอย่างเข้าด้วยกัน หรือถ้าใครอยากเพิ่มรสชาติใหม่สามารถบีบมะนาวตามลงไปจะให้รสชาติที่แตกต่างมากขึ้น

 

เมนูนี้ขอกดหัวใจให้รัวๆ เลยค่ะ

 

ข้าวผัดผงกะหรี่ปลากะพงทอด (CRISPY SEA BASS) ราคา 135 บาท 

          ข้าวผัดผงกะหรี่ปลากะพงทอด เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้กลิ่นผงกะหรี่ชัดเจนมาก โดยตัวข้าวจะประกอบไปด้วยข้าวที่นำไปผัดเข้ากับผงกะหรี่ และที่แตกต่างคือจะใส่องุ่นแดงลงไปด้วย เพื่อเพิ่มรสสัมผัสใหม่ๆ ในตัวข้าว โดยจานนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมปลากะพงชุบแป้งทอด ผักสลัด และน้ำจิ้ม ในส่วนของปลากะพงก็ผ่านการหมักผงกะหรี่มาแล้วเช่นกัน จึงได้กลิ่นความหอมละมุนของเครื่องเทศอย่างชัดเจน 

 

 

นาโช่กัวคาโมเล่ (NACHOS MAXICAN GUACAMOLE) ราคา 160 บาท 

          นาโช่กัวคาโมเล่เป็นเมนูทานเล่นที่อยากแนะนำ โดยแป้งทอดมาสีเหลืองน่าทาน เสิร์ฟมาพร้อมกัวคาโมเล่เป็นเครื่องเคียง โดยกัวคาโมเล่จะประกอบไปด้วยอาโวคาโดผสมกับมะเขือเทศ และปรุงรสด้วยพริกขี้หนู มะนาว เกลือ พริกไทยโดยรสชาติจะออกเปรี้ยวมันตามด้วยเผ็ดนิดๆ สัมผัสได้ถึงความสดชื่นเพราะมะเขือเทศที่มีฤทธิ์เย็น 

 

 

ช็อกโกแลตลาวาเสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีม (CHOCOLATE LAVA WITH ICE CREAM) ราคา 170 บาท 
              ช็อกโกแลตลาวาเสิร์ฟมาพร้อมไอศกรีมวานิลลา จัดแต่งจานมาได้น่าทานมากๆ ซึ่งช็อกโกแลตลาวามีการอบมาแบบสดใหม่ เมื่อผ่าออกมาจะเห็นได้ว่าช็อกโกแลตลาวาไหลเยิ้มแบบเข้มข้น ทานรวมกับสตรอว์เบอร์รี และครัมเบิ้ลบดที่เพิ่มรสสัมผัสได้ดี โดยตัวครัมเบิ้ลทางร้านจะอบขึ้นมาเองแบบสดใหม่ ทำให้ได้ความกรอบ เวลาทานบอกเลยว่าเข้ากันสุดๆ 

 

 

เครื่องดื่ม

        Mr. Grey ราคา 150 บาท

เครื่องดื่มชาม็อกเทลทางร้านเลือกใช้ชา Mariage  paris Earl grey (ชานำเข้าจากฝรั่งเศส) ผสมกับน้ำผึ้ง และเลมอนจนได้สีสันออกมาน่าดื่มมากๆ เลยค่ะ

 

 

Vanilla Citrus ราคา 130 บาท

เป็นเครื่องดื่มม็อกเทลมีส่วนประกอบหลักเป็นวานิลลา เลมอน และสปาร์คกลิ้ง ให้ความหอมละมุนแบบสดชื่น เหมาะสำหรับดื่มคลายร้อนได้ดีเลยทีเดียว

 

 

Shake it up coffee ราคา 140 บาท

กาแฟม็อกเทล ประกอบไปด้วยกาแฟ น้ำสับปะรด และเลมอนให้กลิ่นความหอมละมุมจนน่าลิ้มลอง ซึ่งกาแฟของทางร้านมีกลิ่นหอมแบบละมุน ไม่แรงจนเกินไป สำหรับคนที่ไม่ดื่มกาแฟก็สามารถดื่มได้ค่ะ

 

 

สรุปรสชาติอาหาร 

ฟิเลท์กะพงทอดน้ำปลา (FRIED SEA BASS) : เนื้อปลากะพงชุปแป้งทอดกรอบสีเหลืองกำลังดี ตกแต่งด้วยผักต่างๆ โดยเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้ม 3 สูตรด้วยกัน เช่น น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำยำมะม่วง และน้ำราดปลา เมื่อทานเนื้อปลากับน้ำจิ้มซีฟู้ด ปลามีความกรอบนอกนุ่มใน ไม่มีกาง มีความหวานจากเนื้อปลา ถ้าทานเนื้อปลาคู่กับน้ำยำมะม่วงจะมีรสเปรี้ยวหวานเค็มตามด้วยเผ็ดอ่อนๆ ส่วนน้ำราดปลาที่แยกมาให้จะมีรสชาติเค็มนำตามด้วยหวาน สำหรับเมนูนี้ถ้าสั่งข้าวสวยร้อนๆ มาทานด้วยจะเข้ากันมากเลยค่ะ 

สลัดอาโวคาโดซอสส้ม (AVOCADO SALAD WITH ORANGE SAUCE) : ใครที่ชอบทานสลัดขอแนะนำเมนูนี้เลยค่ะ เวลาทานให้คลุกเค้าทุกอย่างเข้าด้วยกัน เมื่อทานรวมกันจะสัมผัสได้ถึงรสชาติหวานหอมเปรี้ยวนิดๆ จากซอสส้ม ตามมาด้วยความสดชื่นจากเนื้อส้มและอาโวคาโด เพราะเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นเวลาทานจะได้ความสดชื่นจากผลไม้

แซลมอนแช่น้ำปลา (VARVANA SALTY SALMON TROUT) : เมนูนี้เสิร์ฟมาเป็นคำๆ พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด เมื่อทานเป็นคำพร้อมน้ำจิ้มและผักเครื่องเคียง สัมผัสได้ถึงความเปรี้ยวเค็มเผ็ดของน้ำจิ้มที่ตัดกับเนื้อแซลมอน และเครื่องเคียงอย่างพริกกับกระเทียม โดยรวมมีรสเข้ากันได้ดี แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบทานเผ็ดอาจจะมองว่าเผ็ดเกินไป ในส่วนนี้สามารถบอกพนักงานได้ว่าอยากได้รสชาติเผ็ดมากเผ็ดน้อย

สเต๊กเนื้อออสเตรเลีย ริบอาย (AUSTRALIAN RIBEYE STEAK) : เมื่อทานเนื้อสเต๊กอย่างเดียวสัมผัสได้ถึงความนุ่ม ไม่เหนียว และฉ่ำของเนื้อที่สุกมาในระดับมีเดียมแรร์ มีความหอมจากการย่างบนเตาถ่านหิน และตามด้วยเค็มอ่อนๆ จากเกลือหิมาลายัน หากใครที่ต้องการเพิ่มรสชาติให้กับตัวเนื้อ สามารถเลือกจิ้มกับซอสที่เชฟทำมาให้ถึง 2 สูตรด้วยกัน เมื่อทานเนื้อกับน้ำจิ้มแจ่วจะได้รสเปรี้ยวหวานเผ็ดเป็นรสชาติสไตล์ไทยๆ ส่วนซอสไวน์แดง มีความหอม นุ่ม ละมุน ตามด้วยรสเปรี้ยว และเค็มอ่อนๆ มันบดเนื้อมีเนียนนุ่มมีความหวานของเนื้อมันฝรั่งแท้ๆ

ซี่โครงหมูบาร์บีคิว (BARBECUE PORK RIBS) : เสิร์ฟมาพร้อมเฟรนช์ฟรายส์ ผักสลัด โดยจะมีน้ำสลัดแยกมาด้วย เมื่อทานซี่โครงพร้อมกับซอสบาร์บีคิวสัมผัสได้ถึงเนื้อนุ่มร่อนออกจากกระดูก น้ำซอสบาร์บีคิวมีรสชาติหวานนำตามด้วยความหอมของกลิ่นซอสบาร์บีคิว แนะนำให้ทานควบคู่กับสลัด เพราะน้ำสลัดที่มีรสเปรี้ยวนำจะเข้าไปตัดความหวานของซอสบาร์บีคิวได้ดี 

ยำอกเป็ดส้มโอ (SPICY MAYO POMELO DUCK BREAST SALAD) ​: เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย โดยเวลาทานให้เทน้ำซอสสไปซี่มาโยลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นตักทานรวมกับอกเป็ด จะสัมผัสได้ถึงรสชาติเผ็ดเค็มตามด้วยความเปรี้ยวของส้มโอ อกเป็ดมีความนุ่มไม่เหนียว โดยรวมแล้วให้ความสดชื่น เพราะส้มโอจัดว่าเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นค่ะ

พาสต้าซอสพริกเผากุ้ง (PASTA THAI CHILI PASTE SAUCE) : เส้นสปาเกตตีฉ่ำไปด้วยซอสพริกเผากุ้ง เวลาทานแนะนำให้คลุกเคล้าไข่ออนเซ็นให้เข้ากัน เมื่อทุกอย่างเข้าด้วยกันจะได้รสชาติหวานนำจากพริกเผา ตามมาด้วยความเผ็ดอ่อนๆ และความนัวของไข่ออนเซ็น สำหรับใครที่อยากได้รสชาติต้มยำ แนะนำให้บีบมะนาวเพิ่มลงไปจะทำให้ได้รสชาติต้มยำชัดขึ้น 

ข้าวผัดผงกะหรี่ปลากะพงทอด (CRISPY SEA BASS) : สำหรับเมนูนี้โดยส่วนตัวชอบมาก ด้วยตัวข้าวผัดที่มีความหอมของผงกะหรี่ ภายในข้าวก็จะมีองุ่นผัดรวมมาด้วย ทำให้ไปเพิ่มรสชาติให้กับตัวข้าวมากขึ้น ส่วนปลากะพงทอดมีความหอมจากการหมักผงกะหรี่ก่อนทอด เมื่อทานข้าวรวมกับปลาจะเข้ากันได้ดี ข้าวมีความหอมจากผงกระหรี่ตามด้วยความหวานขององุ่นแบบสดชื่น ปลากะพงทอดได้กลิ่นเครื่องเทศชัดเจน 

นาโซ่กัวคาโมเล่ (NACHOS MAXICAN GUACAMOLE) : แป้งหนากรอบกำลังดี มีรสเค็มจากตัวแป้ง ทานคู่กับซอสกัวคาโมเล่ทำให้รู้สึกสดชื่นเพราะอาโวคาโดและมะเขือเทศมีฤทธิ์เย็น 

ช็อกโกแลตลาวาเสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีม (CHOCOLATE LAVA WITH ICE CREAM) : ช็อกโกแลตลาวาไส้เยิ้มๆ เสิร์ฟมาพร้อมไอศกรีมรสวานิลลา พร้อมครัมเบิ้ลบด วิปปิ้งครีม และสตรอว์เบอร์รี ตัวช็อกโกแลตลาวาไส้ไหลเยิ้มแบบละมุนเวลาทานได้กลิ่นช็อกโกแลตชัดเจน รสชาติไม่หวานมาก เมื่อทานร่วมกับไอศกรีมรสวานิลลา และสตรอว์เบอร์รี รสชาติเปรี้ยวของสตรอว์เบอร์รีจะเข้าไปตัดกับรสชาติช็อกโกแลต และได้รสชาติของไอศกรีมวานิลลาเพิ่มมาตอนท้าย สำหรับคนที่ชอบทานของหวานอาจจะถูกใจ 

เครื่องดื่ม

Mr. Grey : เครื่องดื่มชาผสมเลมอน และน้ำผึ้ง ให้ความเปรี้ยวนำตามด้วยหวาน และหอมชาอ่อนๆ ซึ่งชาของทางร้านเป็นชานำเข้าจึงมีกลิ่มค่อนข้างหอมและรสชาติดี

Vanilla Citrus : เป็นเครื่องดื่มที่เพิ่มความสดชื่น เวลาดื่มสัมผัสได้ถึงรสชาติของเลมอนผสมกับความซ่าของโซดา ตามมาด้วยความหอมของกลิ่นวานิลลาอ่อนๆ เมนูนี้ดื่มคลายความร้อนได้ดีเลยทีเดียว

 Shake it up coffee : เครื่องดื่มกาแฟผสมเลมอน และสับปะรด เวลาดื่มสัมผัสได้ถึงความเปรี้ยวแบบสดชื่นจากน้ำสับปะรดและเลมอน ตามด้วยความหอมอ่อนๆ ของกาแฟ สำหรับคนที่ไม่ชอบทานกาแฟอาจจะถูกใจเมนูนี้เพราะดื่มง่าย

 

SPONSORED

 

การประเมิน และให้คะแนน

 

รูปแบบของการประเมิน

คะแนน

รสชาติอาหาร

4.2

บรรยากาศ

4.1

การบริการ

4.0

ความคุ้มค่า

4.0

คะแนนเฉลี่ย

4.075

 

จุดเด่นของร้าน Varvana a Cafe&Bar

1. ร้าน Varvana a Cafe&Bar มีการตกแต่งสไตล์ทรอปิคอลที่สื่อถึงความเป็นธรรมชาติ เน้นการตกแต่งด้วยต้นไม้จริง และเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากหินอ่อน ตัวร้านมีพื้นที่ค่อยข้างกว้างขวางปลอดโปร่ง ให้ความรู้สึกเหมือนยกธรรมชาติมาไว้ภายในร้าน นอกจากนี้ในช่วงเย็นภายในร้านจะปรับบรรยากาศให้เหมาะสำหรับแฮงค์เอาท์ มีแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มคอกเทล และดนตรีสดมาเล่นให้ฟังทุกวันพุธ-เสาร์ 19.00 น. เป็นต้นไป

2. เนื่องจากร้านเป็นสไตล์ทรอปิคอลเน้นความเป็นธรรมชาติ ดังนั้นจึงสื่อไปถึงแนวอาหารโดยเน้นวัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติแต่ละจานจะไม่ใส่ผงชูรสหรือสารกันบูด ทุกอย่างภายในจานสามารถทานได้หมด จึงให้คุณค่าทางโภชนาการค่อนข้างครบถ้วน 

3. วัตถุดิบของทางร้านมีการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน โดยวัตถุดิบบางตัวเป็นวัตถุดิบนำเข้าโดยเฉพาะ เช่น ปลาแซลมอนที่นำเข้าจากนอร์เวย์มีใบเซอร์รับรอง เนื้อนำเข้าจากออสเตรเลียเป็นโคขุนที่ทานธัญพืชเป็นหลัก อาโวคาโดนำเข้าจากนิวซีแลนด์ รวมไปถึงชาที่นำเข้าจากฝรั่งเศส นอกจากนี้ในส่วนของ หมู ไก่ กุ้ง ทางร้านจะซื้อแบบสดใหม่มีการสต็อกของวันต่อวัน ในส่วนของผักก็ส่งตรงจากฟาร์มแบบวันต่อวันเช่นกัน โดยวัตถุดิบทั้งหมดจะนำมาเก็บรักษาในตู้แช่อุณหภูมิที่เหมาะสม โดยจะแยกระหว่างตู้ผักและตู้เนื้อ 

4. เมนูของทางร้านค่อนข้างเป็นสูตรเฉพาะ เนื่องจากซอส น้ำจิ้ม และน้ำสลัดทุกตัว ทางร้านมีการทำขึ้นมาใหม่แบบจานต่อจาน จากวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่ใส่ผงชูรส และสารกันบูด ที่สำคัญไม่มีการสต็อกค้างคืน จึงการันตีได้ว่าลูกค้าทุกท่านจะได้รับประโยชน์และความสดใหม่กลับไปอย่างแน่นอน 

5. การตกแต่งเมนูอาหารแต่ละจานมีการตกแต่งมาได้น่ากิน เพราะส่วนใหญ่ทุกจานถูกตกแต่งมาด้วยผักสลัด นอกจากจะถ่ายรูปออกมาสวยแล้วทุกอย่างบนจานสามารถทานได้ทุกอย่างเลยค่ะ 

6. เมนูอาหารของทางร้านมาในรูปแบบของเมนูอาหารฟิวชั่นที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว จึงมีเมนูแปลกใหม่น่าทานให้ได้ลิ้มลอง เช่น ยำอกเป็ดส้มโอ ข้าวผัดผงกะหรี่ปลากะพงทอด พาสต้าซอสพริกเผากุ้ง และฟิเลท์กะพงทอดน้ำปลา ซึ่งแต่ละเมนูก็ให้ประโยชน์ได้อย่างครบครัน

7. ราคาเมนูอาหารของทางร้านเริ่มต้นที่ประมาณ 100 บาทขึ้นไป ถ้าเทียบกับเมนูอาหารและบรรยากาศโดยส่วนตัวมองว่าคุ้ม ซึ่งทางร้านจะมีโปรโมชั่นสำหรับเมนูอาหารทุกเดือน ในส่วนนี้สามารถติดตามได้จากเพจ Facebook ร้าน Varvana a Cafe&Bar

 ข้อมูลอื่นและข้อเสนอแนะ

1. เนื่องจากร้านอยู่ติดกับร้าน Zebra Outlet ทำให้ร้านไม่เป็นที่สังเกตมากนัก สำหรับใครที่มองหาร้านไม่เจอให้สังเกตทางเข้าของร้าน Zebra Outlet เป็นหลัก

2. ในส่วนของบรรยากาศมีบริเวณค่อนข้างกว้างขวาง และต้องใช้แสงจากธรรมชาติเพื่อดูแลรักษาต้นไม้ ในช่วงกลางวันอาจจะมีบางมุมที่ต้องรับกับแสงแดด อาจจะทำให้เกิดความร้อนนิดนึงแต่ไม่มาก 

 

          เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับร้าน Varvana a Cafe&Bar ร้านอาหารที่มาในรูปแบบคาเฟ่ โดยแต่ละเมนูของทางร้านมีการใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกวัตถุดิบ รวมไปถึงขั้นตอนการปรุงที่รับรองได้ว่าลูกค้าทุกท่านจะได้ทานเมนูสดใหม่อย่างแน่นอน นอกจากนี้ในส่วนของบรรยากาศยังมีการตกแต่งได้น่านั่ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืนบอกเลยว่าเก๋สุดๆ สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านอาหารสไตล์คาเฟ่อยู่ละก็ อย่าลืมแวะมากันได้นะคะรับรองไม่มีผิดหวังอย่างแน่นอน

เมนูแนะนำของร้าน Varvana Bar & Bistro

ฟิเลท์กะพงทอดน้ำปลา (FRIED SEA BASS)

240
ปลากะพงทอดถูกจัดแต่งใส่จานมาอย่างสวยงามเสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้ม 3 รสด้วยกัน ได้แก่ น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มยำมะม่วง และน้ำปลารสชาติกลมกล่อม

แซลมอนแช่น้ำปลา (VARVANA SALTY SALMON TROUT)

200
ปลาแซลมอนแช่น้ำปลาถูกจัดมาเป็นคำๆ พร้อมเสิร์ฟคู่น้ำจิ้มซีฟู้ดโดยทางร้านจะเลือกใช้เป็นแซลมอนนำเข้าจากนอร์เวย์

พาสต้าซอสพริกเผากุ้ง (PASTA THAI CHILI PASTE SAUCE)

190
เมนูอาหารไทยกับเส้นพาสต้าเข้าด้วยกัน โดยจะใช้เป็นซอสพริกเผากุ้งที่เป็นสูตรของทางร้านที่ถูกปรุงขึ้นมาใหม่แบบจานต่อจาน

ข้าวผัดผงกะหรี่ปลากะพงทอด (CRISPY SEA BASS)

135
โดยตัวข้าวนำไปผัดเข้ากับผงกะหรี่ และที่แตกต่างคือจะใส่องุ่นแดงลงไปด้วย เพื่อเพิ่มรสสัมผัสใหม่ๆ

Mr. Grey

150
ชาม็อกเทลทางร้านเลือกใช้ชา Mariage paris Earl grey (ชานำเข้าจากฝรั่งเศส) ผสมกับน้ำผึ้ง และเลมอนจนได้สีสันออกมาน่าดื่ม

เขียนโดย
"Fun to eat in our way"
จำนวนบทความที่รีวิว : 43
วันที่เขียนรีวิว : 2019/10/24
0.00 - 0.00 บาท
Rating Distribution
รสชาติอาหาร
4.20
การบริการ
4.00
ตกแต่งสถานที่
4.10
ราคาเหมาะสม
4.00
แผนที่ร้าน Varvana Bar & Bistro
ที่อยู่ :
324/1 ถนนลาดกระบัง แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ต. ลาดกระบัง อ. เขตลาดกระบัง จ. กรุงเทพมหานคร ประเทศ Thailand
เบอร์ติดต่อ :
082-656-2235
ช่วงเวลา :
ทุกวัน 11.00-00.00 น.
ช่วงราคา :
0.00 - 0.00 บาท
ที่จอดรถ :
มี
รับบัตรเครดิต :
ไม่ระบุ
รับจองล่วงหน้า :
มี

TOP