
รีวิว Sushi Koge (ซูชิโคเกะ) ร้าน Omakase สไตล์เอโดะแท้ ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ ‘Touch the nature Through the taste of season’
วันนี้ Ryoiireview ขอพาทุกคนไปเปิดประสบการณ์ของการทานโอมากาเสะสไตล์เอโดะแท้ๆ ที่เสิร์ฟโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ และร้านที่เรากำลังพูดถึงก็คือ ‘Sushi Koge’ (ซูชิโคเกะ) ร้านโอมากาเสะสุดพรีเมียม ที่เลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบชั้นเลิศมาปรุงและถ่ายทอดให้เราได้ทานในราคาที่เอื้อมถึง!
เมื่อเดินเข้ามาในร้านก็จะได้เจอกับบาร์ขนาดใหญ่พร้อมบรรยากาศที่โปร่ง การตกแต่งร้านเน้นใช้วัสดุจากไม้ผสมผสานกับกระจก สร้างบรรยากาศอบอุ่นและไม่อึดอัด เพดานประดับด้วยโครงสร้างไม้ที่มีลวดลายสวยงามและดูสบายตาและมีเสน่ห์ ภาพรวมของร้านให้ความรู้สึกหรูหราแต่แฝงไว้ด้วยความเรียบง่าย ชวนให้ผ่อนคลายตลอดช่วงเวลาที่นั่งทานอาหาร
การเดินทางของรสชาติ
สำหรับการเสิร์ฟเมนูแรกของที่ Soshi Koge จะเป็นการเริ่มต้นด้วยรสชาติที่หนักก่อน เพื่อให้มีรสอูมามิอยู่ในปากก่อน และยังเป็นการกระตุ้นความตื่นเต้นให้พร้อมสำหรับเมนูอื่นๆ ที่จะตามมา
ที่ Soshi Koge จะให้ความสำคัญกับปรัชญา 'โมโนโนะ อาวาเระ' ความงดงามของความไม่จีรัง ด้วยการนำเสนอเมนูที่หมุนเวียนตามฤดูกาลทุก 3 เดือน เพื่อให้ทุกท่านได้สัมผัสวัตถุดิบที่อยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด เปรียบเสมือนการรอคอยให้ฤดูกาลหมุนเวียนกลับมาพบกันใหม่
ราคา Omakase Course ของร้าน Soshi Koge
• Koge 17 Courses ราคา 2,800++
• Nigiri 20 Courses ราคา 3,500++
• Premium 21 Courses ราคา 4,000++
• Special 22 Courses ราคา 6,000++
(เปิดบริการทักวันอังคาร - อาทิตย์ และแบ่งเป็น 4 ช่วงเวลา ดังนี้ 12:00 น. / 13:45 น./ 18:00 น./ 19:45 น.)
เริ่มคอร์สแรกกับ Sushi Koge
Tako Tamako Ponzu
เมนูเรียกน้ำย่อยที่เสิร์ฟมาในถ้วยเล็กๆ ทรงสูง ในถ้วยนี้คือไข่ปลาหมึกยักษ์ หรือคนญี่ปุ่นเรียกว่า ‘ดอกไม้ทะเลฟูจิ’ มาในรูปแบบพวงใหญ่ๆ แปลกตาและหาทานยากเช่นเดียวกันค่ะ
เมนูนี้เชฟจะไม่ปรุงเยอะเน้นการใช้ส่วนผสมของซอสพอนซุ และปิดท้ายด้วยการโรยผิวเลมอนลงไป ทานแล้วจะมีรสชาติเปรี้ยวของของซอสพอนซุ เนื้อสัมผัสของไข่ปลาหมึกจะหนึบเด้ง เค็มอ่อนๆ เมื่อผสมผสานกับกลิ่นของเปลือกเลมอนแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นกำลังดีเลยค่ะ
Hon Maguro Tataki Shouyu
อีกหนึ่งเมนูที่เน้นความสดของวัตถุดิบและเทคนิคการปรุงแบบเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดของรสชาติกับ Hon Maguro ปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่ได้ชื่อว่าเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก จากตลาดปลา TOYOSU (豊洲市場)
เมนูนี้เชฟจะนำปลาทูน่าไปย่างบนเตาถ่านแบบให้ผิวด้านนอกสุกและมีกลิ่นหอม จากนั้นจึงนำมาหั่นให้เป็นชิ้นพอดีคำและราดด้วยซอสโชยุซอสพิเศษของเชฟ
สำหรับจานนี้ครบรสสุดๆ มีทั้งรสชาติเค็ม มัน และหอม เนื้อปลาทูน่ามีมันแทรกทั่วทั้งชิ้นกัดเข้าไปแล้วมีความฉ่ำของไขมัน เนื้อนุ่มละมุน มีกลิ่นหอมของการย่างและกลิ่นหอมของซอสโชยุปิดท้าย
Yaki Amadai
เมนูนี้เชฟจะเน้นเทคนิคการปรุงที่รักษาความสดและรสชาติธรรมชาติของปลาอามะไดด้วยกรรมวิธีที่ค่อนข้างซับซ้อน เริ่มต้นด้วยการนำน้ำมันคาโนล่าร้อนๆ มาราดบนเกล็ดปลาให้เหลืองกรอบ จากนั้นจึงนำไปย่างต่อบนเตาถ่านแบบช้าๆ และโรยด้วยเกลือเล็กน้อย
Yaki Amadai จานนี้ทานแล้วจะได้สัมผัสกับความกรอบของเกล็ดปลา รสชาติที่หวานของเนื้อปลา และมีกลิ่นหอมของการย่างปิดท้ายด้วยค่ะ
Ika Uni Isobe Age (Tempura)
เมนูเทมปุระสไตล์ญี่ปุ่นที่ผสมผสานระหว่าง ปลาหมึก และ Uni เข้าด้วยกัน และห่อด้วยสาหร่ายก่อนนำไปทอดแบบเทมปุระจนกรอบ
เมนูนี้เชฟต้องใช้ความพิถีพิถันในการทำเป็นอย่างมากเพื่อให้ได้ Ika Uni Isobe Age ออกมาให้สมบูรณ์แบบและได้รสชาติที่ดีที่สุด สำหรับชิ้นนี้ทานแล้วอูมามิมากๆ หอมกลิ่นทอดเทมปุระ เนื้อปลาหมึกนุ่มไม่เหนียว ผสมผสานกับกลิ่นหอมและรสหวานละมุนของ Uni สายพันธุ์ Bafun เป็นเมนูที่ลงตัวทั้งรสชาติและเนื้อสัมผัสเลยค่ะ
Kinmedai Nigiri
ปลาคินเมได เป็นปลาที่ได้รับฉายาว่า ‘ราชาแห่งปลาทะเลน้ำลึก’ โดดเด่นด้วยลำตัวที่มีสีแดงสดและตาที่โต เมนูนี้เชฟจะเน้นการชูวัตถุดิบที่สดใหม่ ไม่ผ่านการปรุงแต่งใดๆ นอกจากตัวซอส
ทานแล้วเนื้อปลามีความสดหวานแบบธรรมชาติ นุ่มและแน่นในเวลาเดียวกัน ตามมาด้วยรสเค็มอ่อนๆ ของซอส และมีกลิ่นของผิวส้มที่ขูดลงไปในขั้นตอนสุดท้าย
Otoro Nigiri
มาถึงอีกหนึ่งเมนูนิกิริที่เน้นความสดและรสชาติที่แท้จริงของวัตถุดิบอย่าง Otoro
เมนูก่อนเสิร์ฟเชฟจะนำถ่านมาย่างบนผิวปลาให้มีกลิ่นหอม และทาด้วยซอสโชยุ ทานแล้วบอกเลยว่าสมกับการรอคอยมาก เนื้อโอโทโร่มีมันแทรกอยู่ทั่วทั้งชิ้น และเมื่อโดนความร้อนจากถ่านจะมีกลิ่นหอมที่ชัดเจนขึ้น เนื้อปลารสชาติเข้มข้น และนุ่มละมุน
Akimo Don
มาถึงเมนูข้าว Don กันบ้างค่ะ สำหรับเมนูนี้คือ ‘Akimo Don’ ตับปลาอังโกะเสิร์ฟมาบนข้าวญี่ปุ่น ท็อปด้วยอิคุระ และแตงโมดอง
สำหรับเมนูนี้ทานแล้วเต็มไปด้วยสัมผัสที่นุ่มละมุน และมีกลิ่นหอมฟุ้งของตับปลาอังโกะอยู่ทั่วทั้งปาก นอกจากนี้ยังมีรสชาติเค็มมันจากอิคุระ และปิดท้ายด้วยแตงโมดองรสชาติเปรี้ยวอมหวานช่วยตัดเลี่ยนได้ดีทีเดียว
Awabi Don
หรือข้าวหน้าหอยเป๋าฮื้อ เมนูทานแล้วจะมีความครีมมี่และกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ เนื้อหอยเป๋าฮื้อเด้งไม่เหนียว สำหรับซอสที่ใช้ราดจะมีรสหวานนิดๆ ซึ่งเกิดจากการผสมผสานอย่างลงตัวของตับหอยเป๋าฮื้อ ไข่แดง และมิโซะ และเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้จานนี้ด้วยกลิ่นหอมของทรัฟเฟิลที่เชฟใส่ลงไปในตอนท้ายค่ะ
Hotate Isobe Yaki
เมนูจะเสิร์ฟด้วยการห่อด้วยสาหร่ายย่าง โฮตาเตะท็อปมาด้วยขิงบดและงาสามสีค่ะ ทานแล้วเนื้อของโฮตาเตะมีความฉ่ำและเด้ง ไม่สุกจนเกินไปมีกลิ่นหอมจากการย่าง และมีรสเผ็ดซ่าจากขิงนิดๆ
Isobe Maki
เมนูมากิที่ไม่มีข้าว เชฟเลือกใช้ปลาเนื้อขาวเอาไปดองน้ำส้ม ใส่ผักและขิงดอง และพันด้วยสาหร่าย ท็อปมาด้วยวาซาบิสด ทานแล้วบอกเลยว่าเป็นรสชาติที่อร่อยลงตัว ด้วยความอูมามิของซอส ความสดแน่นของเนื้อปลา และมีรสเปรี้ยวนิดๆ จากการนำปลาไปดอง เรียกได้ว่าเป็นเมนูปิดท้ายคอร์สที่ลงตัวสุดๆ เลยค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
1. ร้าน Soshi Koge เปิดบริการอยู่ที่อาคาร Vanit Place ชั้น B (ยูนิต B02) เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 099-003-9039
2. ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ช่องทางการจอง LINE: @sushikoge (lin.ee/CdamYNj) หรือ โทร. 099-003-9039
สำหรับใครที่กำลังหาร้านโอมากาเสะที่เน้นในเรื่องการเสิร์ฟรสชาติของชาติของวัตถุดิบที่แท้จริง บอกเลยว่ามาที่ Soshi Koge แล้วไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ เพราะที่นี่จะมอบประสบการณ์การทานโอมากาเสะที่อัดแน่นไปด้วยรสชาติและความพิถีพิถันในขั้นตอนหารทำของเชฟผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Touch the nature Through the taste of season’
ปิดวันจันทร์