รีวิว Baskin Robbins ร้านไอศกรีมพรีเมียม นำเข้าจากอเมริกา 100% @K-Village สุขุมวิท 26

           ใครที่เป็นแฟนคลับคนรักไอศกรีมคงไม่มีใครไม่รู้จัก Baskin Robbins แบรนด์ไอศกรีมเจ้าดังในตำนานคุณภาพระดับพรีเมียม นำเข้าจากอเมริกาแบบ 100%!! จุดเด่นอยู่ที่รสชาติอร่อยแบบสม่ำเสมอและรสชาติแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร แถมยังมีตัวเลือกให้ลูกค้าหลากหลายจะทานแบบโคน ใส่ถ้วย หรือจะจัดเต็มท็อปปิ้งก็มีอีกมากมายกว่าสิบรายการ

           ซึ่งในวันนี้ Ryoiireview ได้มาลองชิม Baskin Robbins กันที่สาขา K-Village สุขุมวิท 26 ที่นอกจากบรรยากาศร้านจะน่านั่งฟีลคาเฟ่แล้ว ขอแอบบอกนิดนึงว่าทางร้านเขามีเมนูใหม่ๆ มาเซอร์ไพรส์เราอีกด้วย!

 

Baskin Robbins ร้านไอศกรีมพรีเมียม นำเข้าจากอเมริกา 100%

 

การเดินทาง

           ร้าน Baskin Robbins สาขา K-Village จะตั้งอยู่ที่ชั้น 1 โซน A ค่ะ สำหรับใครที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว สามารถขับมาที่ซอยสุขุมวิท 26 ได้เลยค่ะ ทางโครงการมีที่จอดรถรองรับมากกว่า 300 คัน โดย 20 นาทีแรกจอดฟรี ชม. ถัดไป ชม.ละ 20 บาทค่ะ

 

 

           หรือถ้าใครเดินทางด้วยรถสาธารณะ ก็สามารถนั่ง BTS ลงสถานีพร้อมพงษ์ (ทางออก 4) และ MRT ลงสถานีศูนย์สิริกิต์ (ทางออก 1) จากนั้นแนะนำให้นั่งวินมอเตอร์ไซค์เข้ามาที่ K- Village ได้เลย ราคาอยู่ที่ประมาณ 15 บาท (มาจากสถานีพร้อมพงษ์) และ 20 บาท (มาจากสถานีศูนย์สิริกิต์) ค่ะ

 

บรรยากาศร้าน

           เมื่อมาถึงโครงการ K-Village แล้วจะมองหาร้าน Baskin Robbins ได้ไม่ยากค่ะ ร้านจะตั้งอยู่ติดกับร้าน Au Bon Pain ใกล้ๆ กับทางเข้าเลย ด้านหน้าร้านจะเป็นร้านกระจกใส เน้นเป็นโทนสีขาว ประดับด้วยโลโก้ Baskin Robbins มองเห็นได้ง่ายค่ะ

           และเมื่อเข้าไปในร้านแล้ว จะเจอกับบรรยากาศที่เรียบง่าย แต่ยังมีความเรียบหรูนิดๆ ร้านจะตกแต่งด้วยโทนสีขาวเป็นหลัก พร้อมด้วยเฟอร์นิเจอร์น้ำเงิน และตกแต่งด้วยสีชมพูซึ่งเป็นสีประจำร้าน ทำให้ร้านดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น 

 

 

           สำหรับพื้นที่ร้านจะค่อนข้างกว้าง ด้านซ้ายมือจะเป็นเคาน์เตอร์ไอศกรีม ลูกค้าที่อยากจะสั่งไอศกรีมสามารถเลือกดูรสชาติและเมนูได้ที่เคาน์เตอร์ และรอรับไอศกรีมได้เลย สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้า Take-away ส่วนภายในร้านก็มีที่นั่งให้เลือกเยอะ จะมาช่วงเวลาไหนก็สามารถนั่งชิลๆ ได้แบบไม่แออัดเลยค่ะ

 

เมนูและราคา

           มาถึงร้านแล้วก็ต้องขอนั่งทานไอศกรีมจากร้าน Baskin Robbins กันสักนิด สำหรับไอศกรีมของร้านบอกเลยว่าไม่ธรรมดาค่ะ เพราะเป็นไอศกรีมพรีเมียมนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกาแบบ 100% ที่การันตีทั้งความอร่อยและความหลากหลายรสชาติแบบไม่ซ้ำใครอีกด้วย

 

 

           สำหรับขั้นตอนการออเดอร์ แรกเริ่มลูกค้าสามารถเลือกทานได้ทั้งใส่โคน (ซึ่งก็จะมีทั้งโคนน้ำตาลและโคนวาฟเฟิลอีกด้วย) หรือจะทานแบบใส่ถ้วยมีให้เลือกทานตั้งแต่ Regular Scoop (1 ลูก) ไปจนถึง Triple Scoop (3 ลูก) หรือจะสั่งแบบเป็นเซตก็จะมี Signature Sundae ที่ทางร้านจัดเซตไว้หมดแล้วพร้อมท็อปปิ้งแน่นๆ

           หลังจากเลือกรูปแบบไอศกรีมได้แล้ว ก็มาถึงส่วนสำคัญอย่างการเลือกรสชาติ ต้องขอบอกก่อนเลยว่าไอศกรีมที่นี่มีหลายรสชาติมากๆ จะสายหวาน สายเปรี้ยว หรือสายดาร์กก็ตอบโจทย์ ส่วนรสชาติยอดฮิตก็ต้องยกให้ Cotton Candy, Mint Chocolate Chip และ Love Potion แต่นอกจากนี้ก็ยังมีรสชาติอื่นๆ อีกมากมายให้ลูกค้าเลือกทานกันแบบไม่ซ้ำในหนึ่งเดือน 31 วัน 31 รสชาติกันไปเลย

 

 

           และหลังจากเลือกรสชาติกันไปแล้ว ถ้าหากแบบเซตที่ทางร้านจัดให้ไว้ยังไม่โดนใจ ลูกค้ายังสามารถ Mix & Match ถ้วยไอศกรีมด้วยตนเอง โดยจะมีท็อปปิ้งให้เลือกเกือบ 10 ชนิด เช่น ช็อกโกแลตฟัดจ์ เชอร์รี สตรอว์เบอร์รี วิปครีม อัลมอนด์ บราวนี และกล้วยค่ะ

 

 

Regular Scoope Cone ราคา 129 บาท

           ขอสตาร์ทกันด้วยเมนูเบสิคของทางร้านกันก่อนเลยค่ะ เมนูนี้จะเป็นโคนน้ำตาลกรอบๆ ทำสดใหม่ทุกวันค่ะ โคนนี้จะได้ไอศกรีม 1 ลูกใหญ่ ในวันนี้ Ryoii เลือกทานคู่กับไอศกรีมรสชาติยอดฮิตอย่าง Very Berry Strawberry ไอศกรีมสตรอว์เบอร์ที่มีเนื้อสตรอว์เบอร์รีแซมๆ มาด้วย และรส Mint Chocolate Chip ไอศกรีมรสมินท์ + ช็อกโกแลตชิพค่ะ 

 

Mint Chocolate Chip

Very Berry Strawberry

 

Regular Scoope Cup ราคา 129 บาท

           ถ้าใครอยากจะเน้นไอศกรีมแบบเน้นๆ ขอแนะนำให้ทานแบบ Regular Scoope Cup หรือแบบใส่ถ้วยค่ะ ถ้วยนี้ Ryoii เลือกทานรสชาติ Cotton Candy ไอศกรีมน่ารักๆ รสสายไหมที่นำสายไหมสีชมพูและสายไหมสีม่วงมารวมเป็นไอศกรีม สีหวานน่าทานมากกก 

           สำหรับถ้วยแบบนี้จะทานเป็นไอศกรีมเดี่ยวๆ หรือจะเพิ่มท็อปปิ้งก็ย่อมได้ค่ะ หรือถ้าใครคิดว่าลูกเดียวไม่พอ! ก็ยังมีให้เลือกแบบดับเบิลและทริปเปิลอีกด้วยนะคะ

 

Cotton Candy

สายหวานต้องลองรสชาตินี้เลย!

 

Happy Six Sundae ราคา 189 บาท

           แต่ถ้าใครเลือกไม่ได้ว่าจะทานไอศกรีมรสไหน ขอแนะนำเมนูนี้เลยค่ะ เพราะเมนูนี้จะเสิร์ฟเป็นโคนวาฟเฟิลที่อัดแน่นไปด้วยไอศกรีมถึง 6 ลูก! (ลูกเล็กนะคะ) และด้านล่างไอศกรีมก็จะมีบราวนีอีกประมาณ 5 ชิ้นค่ะ ส่วนตัวค่อนข้างชอบเมนูนี้เลย เพราะได้ทานไอศกรีมหลายรสชาติมากๆ

           ในวันนี้ Ryoii ได้ลองทานรส Rainbow Sherbet ไอศกรีมที่ผสมผลไม้ 3 ชนิด คือ สับปะรด, ส้ม และราสพ์เบอร์รีออกมาเป็นเนื้อเชอร์เบท, Pistachio Almond ไอศกรีมพิตาชิโอพร้อมด้วยอัลมอนด์อบเพิ่มความกรุบกรอบ, Peanut Butter 'N Chocolate ไอศกรีมช็อกโกแลตสุดเข้มข้น หอมเนยถั่ว, Jamoca Almond Fudge ไอศกรีมกาแฟเข้มๆ เติมหวานเล็กน้อยด้วยช็อกโกแลตฟัดจ์และความกรุบกรอบจากอัลมอนด์อบ, Hokey Pokey ไวท์ช็อกโกแลตพร้อมด้วยครันชี่น้ำผึ้งและคาราเมลหวานๆ และตัดเปรี้ยวเล็กน้อยด้วยรสชาติสุดท้ายอย่าง Citrus Twist Ice หรือไอศกรีมมะนาวนั่นเองค่ะ

 

Happy Six Sundae

ทานได้หลากหลายรสชาติมากถึง 6 รส

 

Brownie Ala Mode Sundae ราคา 199 บาท

           แต่ถ้าใครคิดว่าบราวนีจากเมนูข้างบนยังไม่สะใจ ขอแนะนำ Brownie Ala Mode Sundae เลยค่ะ เพราะซันเดถ้วยนี้จะรองฐานด้วยบราวนีชิ้นใหญ่ๆ พร้อมด้วยไอศกรีม 2 รสชาติ ซึ่ง Ryoii ได้ลองทาน Cotton Candy และ Love Potion ไอศกรีมราสพ์เบอร์ผสมไวท์ช็อกโกแลต พร้อมซอสราสพ์เบอร์รีและช็อกโกแลตชิพค่ะ ก่อนจะราดด้วยช็อกโกแลตฟัดจ์ ท็อปด้วยวิปครีม เชอร์รี และโรยด้วยถั่ว

 

 

Banana Royale Sundae ราคา 199 บาท

           ขอเอาใจสายผลไม้กันบ้างค่ะ เมนูนี้จะเอาใจสายกล้วยโดยเฉพาะ เพราะเขาอัดแน่นมาด้วยกล้วยหั่นชิ้น พร้อมด้วยไอศกรีม 2 ลูกใหญ่ ท็อปด้วยช็อกโกแลตฟัดจ์ วิปครีม เชอร์รี และถั่วค่ะ สำหรับถ้วยนี้ Ryoii เลือก 2 รสชาติยอดฮิตอย่างวานิลลา และ Peanut Butter 'N Chocolate ค่ะ

 

เสิร์ฟกล้วยแบบเต็มถ้วย

 

Banana Hotfudge Sundae ราคา 159 บาท

           ทานเมนูคลาสสิกกันไปเยอะแล้ว ขอแนะนำเมนูใหม่จากทางร้านกันสักนิด กับเมนู Banana Hotfudge Sundae อีกหนึ่งเมนูซันเดในรูปแบบใหม่ เมนูนี้ทางร้านจะเสิร์ฟในแก้วทรงสูง อัดแน่นไปด้วยท็อปปิ้งหลากชนิด เริ่มจากล่างขึ้นบนดังนี้ค่ะ ช็อกโกแลตฟัดจ์ ตามด้วยวาฟเฟิลกรอบๆ กล้วย ไอศกรีม 2 สกูป เพิ่มสีสันด้วยวิปครีม และเรนโบว์สปริงเกิล

           สำหรับถ้วยนี้ Ryoii เลือกไอศกรีม Mint Chocolate Chip และ Strawberry Cheesecake ไอศกรีมรสชีสเค้กและซอสสตรอว์เบอร์รีค่ะ

 

Banana Hotfudge Sundae เมนูใหม่ล่าสุด

เรนโบว์สปริงเกิลเพิ่มความสดใส

 

Brownie Hotfudge Sundae ราคา 169 บาท

           และอีกหนึ่งเมนูใหม่อย่าง Brownie Hotfudge Sundae ที่จะเสิร์ฟใส่แก้วทรงสูงเหมือนเมนูที่แล้วค่ะ แต่เมนูนี้เริ่มต้นด้วยช็อกโกแลตฟัดจ์ กล้วย วาฟเฟิล และบราวนีเข้มข้น จากนั้นจะตามด้วยไอศกรีม 2 สกูป ท็อปด้วยวิปครีม บราวนี และวาฟเฟิลค่ะ ถ้วยนี้บอกเลยว่าจัดเต็มมากก ถูกใจคนชอบบราวนีแน่นอน!

           ส่วนรสชาติไอศกรีมถ้วยนี้จะเป็น Chocolate Chip และ Very Berry Strawberry ค่ะ

 

Brownie Hotfudge Sundae เมนูใหม่สำหรับคนรักบราวนี

วาฟเฟิลกรอบๆ ปิดท้าย

 

Milk Shake ราคา 199 บาท

           ปิดท้ายกันไปด้วยอีกหนึ่งเมนูที่ถึงแม้จะไม่ใช่ไอศกรีมอย่างที่เราคุ้นเคยกัน แต่จัดว่าเป็นเมนูยอดนิยมของทางร้านไม่แพ้เมนูอื่นๆ เลยค่ะ เมนูนี้ทางร้านจะนำไอศกรีมมาปั่นรวมกับนมสดจนออกมาเป็นมิลค์เชคนั่นเองค่ะ

           โดยเมนู Milk Shake นี้ ทางร้านจะคัดมาเฉพาะไอศกรีมรสชาติยอดฮิต 3 รสชาติ คือ Chocolate, Mint Chocolate Chip และ Very Berry Strawberry และมีให้เลือก 2 ขนาด คือ 12 ออนซ์ 159 บาท และ 16 ออนซ์ 199 บาทค่ะ

 

Mint Chocolate Chip Milk Shake

 

สรุปรสชาติ

Regular Scoope Cone : โคนวาฟเฟิลกรอบ หอมแป้ง และคงความกรอบไว้ได้นานค่ะ สำหรับไอศกรีมรสชาติ Very Berry Strawberry จะออกหวานๆ จากสตรอว์เบอร์รี มีสตรอว์เบอร์รีเป็นชิ้นๆ ให้ทานเพิ่มรสชาติ ส่วนรส Mint Chocolate Chip จะออกเย็นๆ จากมินท์ และมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยรสชาติเข้มข้นจากช็อกโกแลตชิพ ทำให้รสนี้ชวนประทับใจมากยิ่งขึ้นค่ะ

Regular Scoope Cup : สำหรับเมนูนี้จะเสิร์ฟเป็นไอศกรีมเดี่ยวๆ โดยรส Cotton Candy จะออกหวานๆ รสชาติเหมือนสายไหมเลยค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานรสหวานค่ะ 

Happy Six Sundae : สำหรับโคนนี้จะจัดเต็มไอศกรีมถึง 6 รสชาติ แต่จะเป็น 6 ลูกเล็กๆ พอดีคำ แนะนำให้สั่งหลายๆ รสชาติที่ครบทั้งหวาน เปรี้ยว และเข้มข้นค่ะ โดยจะมีทั้งรส Rainbow Sherbet ออกเปรี้ยวหวานสไตล์ผลไม้ แต่ถ้าใครอยากทานรสเข้มๆ ขอแนะนำ Peanut Butter 'N Chocolate ไอศกรีมช็อกโกแลตเข้มๆ หอมกลิ่นเนยถั่ว พร้อมด้วย Jamoca Almond Fudge ไอศกรีมกาแฟที่มีรสหวานนิดๆ จากช็อกโกแลตฟัดจ์และความกรุบกรอบจากอัลมอนด์อบ และเพิ่มความหวานอีกเล็กน้อยจากไอศกรีม Hokey Pokey ไอศกรีมรสหวานจากไวท์ช็อกโกแลตและหอมน้ำผึ้ง ก่อนจะตัดด้วยรสเปรี้ยวกำลังดีจาก Citrus Twist Ice ทำให้ในหนึ่งโคนถึงแม้จะมีไอศกรีมหลายลูกแต่ก็ไม่เลี่ยนจนเกินไปค่ะ ส่วนบราวนีทางร้านจะหั่นมาเป็นชิ้นพอดีคำ เนื้อบราวนีค่อนข้างแน่น ไม่หวานมากไป ส่วนตัวประทับใจเมนูนี้ค่ะ 

Brownie Ala Mode Sundae : ถ้วยนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ชอบบราวนีเป็นพิเศษ เพราะข้างล่างเป็นบราวนีชิ้นใหญ่ เนื้อแน่น หวานกำลังดี แต่จะมีรสหวานนำจากช็อกโกแลตฟัดจ์ด้านล่าง และมีรสนวลๆ จากวิปครีมทำให้ความหวานอ่อนลง ส่วนไอศกรีมรส Cotton Candy จะออกหวานนำ เมื่อทานคู่กับ Love Potion ที่มีทั้งความหวานเปรี้ยวขมในคำเดียวจากสตรอว์เบอร์รีและช็อกโกแลตชิพ บอกเลยว่าเข้ากันดีมากๆ ค่ะ ส่วนตัวค่อนข้างประทับใจไอศกรีมรส Love Potion เป็นพิเศษเลยค่ะ เพราะเป็นไอศกรีมที่ครบรสชาติมากๆ

Banana Royale Sundae : สำหรับถ้วยนี้จะเน้นผลไม้อย่างกล้วย ทางร้านจะเสิร์ฟกล้วยในปริมาณค่อนข้างเยอะ ในหนึ่งถ้วยจะมีทั้งความหวานจากช็อกโกแลตฟัดจ์ หอมถั่วโรย และสัมผัสนวลๆ จากวิปครีมค่ะ ส่วนไอศกรีมวานิลลานั้นจะออกหวานหอมกำลังดีเลย แต่มีรสเข้มๆ จากช็อกโกแลตจากไอศกรีม Peanut Butter 'N Chocolate มาเพิ่มรสชาติ ทำให้ถ้วยนี้ไม่หวานมากไปค่ะ 

Banana Hotfudge Sundae : เมนูนี้จะมีทั้งรสชาติหวานจากกล้วยและช็อกโกแลตฟัดจ์ค่ะ แต่จะมีวาฟเฟิลชิ้นเล็กๆ ตัดรสหวานและเพิ่มความหอมในแต่ละคำ เพิ่มเติมด้วยกลิ่นหอมเย็นจากไอศกรีม Mint Chocolate Chip พร้อมด้วยไอกรีม Strawberry Cheesecake ที่จะออกหวานนิดๆ เปรี้ยวเล็กน้อยจากซอสสตรอว์เบอร์รีทำให้แก้วนี้ครบรสลงตัวมากยิ่งขึ้นค่ะ

Brownie Hotfudge Sundae : สำหรับเมนูนี้จะเน้นรสชาติเข้มข้นจากบราวนีที่หวานกำลังดี และไม่ขมเกินไปค่ะ ทำให้ทานค่อนข้างง่าย ส่วนไอศกรีมทั้ง 2 รสชาติอย่าง Chocolate Chip และ Very Berry Strawberry ก็เข้ากันดี มีทั้งรสหวานสตรอว์เบอร์รีและความขมจากช็อกโกแลตมาตัดหวานค่ะ แต่เมนูนี้อาจจะทานยากไปนิดนึง เพราะเป็นแก้วทรงสูงค่ะ

Milk Shake : มิลค์เชค Mint Chocolate Chip ดื่มแล้วจะได้กลิ่นหอมเย็นๆ ของมินท์ เพิ่มเติมด้วยรสเข้มๆ จากช็อกโกแลตชิพเล็กน้อย แต่รสชาติจะนวลกว่าตอนเป็นไอศกรีมค่ะ เพราะมีนมผสม ทำให้ดื่มง่ายมากยิ่งขึ้นค่ะ

 

การประเมินและให้คะแนน

 

รูปแบบของการประเมิน	คะแนน
รสชาติอาหาร	4.15
บรรยากาศ	4.00
ความคุ้มค่า	4.00
คะแนนเฉลี่ย	4.05

 

จุดเด่นของร้าน Baskin Robbins สาขา K-Village

1. ไอศกรีมของทางร้านเป็นไอศกรีมนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา 100% โดยจะมีการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดีจากทั่วโลกและมีขั้นตอนทำไอศกรีมที่สะอาดปลอดภัย

2. ไอศกรีมของทางร้านมีให้เลือกหลากหลายรสชาติ โดยแต่ละรสชาติค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะของร้าน Baskin Robbins เท่านั้น

3. ทางร้านมีเมนูไอศกรีมให้เลือกทานหลายแบบ โดยจะมีทั้งแบบโคน (โคนวาฟเฟิลและโคนน้ำตาล), แบบใส่ถ้วย, แบบ Signature Sundae หรือจะสั่งเป็น Milk Shake ที่ทำจากไอศกรีมก็มีให้เลือก

4. ลูกค้าสามารถออกแบบไอศกรีมได้ด้วยตนเอง โดยทางร้านจะมีท็อปปิ้งให้ลูกค้าได้เลือกใส่เกือบ 10 ชนิด เช่น ช็อกโกแลตฟัดจ์ เชอร์รี สตรอว์เบอร์รี วิปครีม อัลมอนด์ บราวนี และกล้วยค่ะ

5. ไอศกรีมของทางร้านมีหลายขนาด สำหรับลูกค้าที่เลือกสั่งไอศกรีมแบบโคน จะมีให้เลือกทานถึง 3 ขนาด คือ ขนาด Fun Scoope (ขนาดเล็ก), Regular Scoope (ขนาดกลาง) และ Wonder Scoope (ขนาดใหญ่) เช่นเดียวกับลูกค้าที่สั่งใส่ถ้วย ก็จะมีให้เลือกสั่งตั้งแต่ Regular Scoope (1 ลูก), Double Scoope (2 ลูก) และ Triple Scoope (3 ลูก)

6. ร้านสาขานี้มีพื้นที่ร้านค่อนข้างกว้างขวาง ตกแต่งแบบเรียบง่าย บรรยากาศโดยรวมค่อนข้างเรียบหรู ปลอดโปร่ง ทำให้น่านั่งมากยิ่งขึ้น

7. สำหรับลูกค้าเดลิเวอรี ทางร้านมีโปรโมชัน Family Set ซื้อไอศกรีม 2 ไพน์ แถมไอศกรีม 2 ไพน์ เมื่อสั่งผ่านแอปพลิเคชัน

 

ข้อมูลเพิ่มเติมและเสนอแนะ

1. ลูกค้าที่นำรถยนต์ส่วนตัวมา สามารถนำรถยนต์จอดได้ที่ที่จอดรถโครงการ 20 นาทีแรกจอดฟรี ชั่วโมงถัดไป ชั่วโมงละ 20 บาท

2. ราคาไอศกรีมเริ่มต้นในระดับปานกลาง โดยจะเริ่มต้นที่สกูปละ 89 บาท แต่ไอศกรีมของทางร้านจะเป็นไอศกรีมคุณภาพดีและเลือกใช้ไอศกรีมนำเข้าจากอเมริกาเท่านั้นค่ะ

 

 

           ไอศกรีมหวานๆ เย็นๆ พร้อมรสชาติอร่อยในแบบฉบับร้าน Baskin Robbins ร้านไอศกรีมสัญชาติอเมริกาเจ้านี้ที่มัดใจลูกค้าได้อยู่หมัด! เพราะที่นี่เขาโดดเด่นตั้งแต่รสชาติไอศกรีมที่มีให้เลือกทานแบบหลากหลายสุดๆ แถมแต่ละรสชาติยังรับประกันความอร่อยระดับพรีเมียม จะสายหวาน สายเปรี้ยว หรือจะสายดาร์กก็บอกเลยว่าถูกใจแน่นอนค่ะ รู้แบบนี้แล้วอย่ารอช้า รีบตามไปชิม Baskin Robbins ที่สาขา K-Village กันได้ค่ะ