[รีวิว] ห้องอาหารสปาสโซ่ (Spasso) ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ดื่มด่ำค่ำคืนสุดแสนพิเศษแบบได้อรรถรส
ครั้งนี้ใบไผ่ได้มีโอกาสมาลิ้มลองรสชาติอาหารฝรั่งเศสที่ห้องอาหารแห่งนี้เป็นครั้งแรกแต่กลับได้ความรู้สึกประทับใจกลับบ้านไปเต็มๆ แบบไม่ทันตั้งตัวค่ะ เพราะทั้งรสชาติอาหารและบรรยากาศนั้นสอดคล้องและให้ความสมดุลกันอย่างลงตัว ด้วยรสชาติอาหารที่อร่อยกลมกล่อมตรงตามแบบต้นฉบับเสมือนอยู่ในต่างแดน และคละเคล้าด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้กลายมาเป็นหนุ่มสาวปารีสแบบชั่วข้ามคืน เชื่อว่าใครก็ตามที่รักและหลงใหลหรือชื่นชอบในอาหารฝรั่งเศสจะต้องมาลิ้มลองให้ได้สักครั้ง จะได้ไม่พลาดกับความพิเศษที่เราสามารถเพลิดเพลินทั้งรูปรสกลิ่นเสียงในย่านใจกลางกรุงเทพมหานครที่เดินทางได้อย่างสะดวกสบายและสามารถพบปะกันได้อย่างง่ายดาย และซ่อนความมีมนต์ขลังด้วยการบรรเลงดนตรีสดให้เหมือนกับย่านแซ็ง-แฌร์แม็ง (Saint-Germain) อันโด่งดังของฝรั่งเศสมาไว้ ณ ห้องอาหารแห่งนี้ค่ะ
การเดินทาง
สามารถใช้บริการรถไฟฟ้า BTS โดยลงสถานีชิดลม เดินต่ออีกประมาณ 400 เมตร ผ่านศาลพระพรหม โรงแรมจะตั้งอยู่แยกราชประสงค์เลยค่ะ หรือจะออกจากสถานีชิดลมแล้วเดินบน skywalk เลี้ยวซ้ายเข้าอัมรินทร์พลาซ่า ซึ่งจะสามารถเดินทะลุเข้าไปถึงตัวโรงแรมได้เหมือนกันนะคะ
บรรยากาศภายในร้าน
บรรยากาศภายในร้านค่อนข้างกว้างขวางให้ความรู้สึกที่ไม่อึดอัด แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกสนุกสนานด้วยลูกเล่นของการตกแต่งด้วยสีสันและแสงไฟของผนังและเสาที่มีความสีสันสวยงามสดใสค่ะ นอกจากนี้ก็ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยโทนสีของโต๊ะอาหารสีน้ำตาลอ่อนและเข้มตัดกับสีแดง รวมถึงการตกแต่งห้องอาหารด้วยการจุดเทียนประดับทำให้บรรยากาศดูอบอวลไปด้วยความรู้สึกแบบโรแมนติกฟีลกู๊ดซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับประทานได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
บรรยากาศภายในร้านอาหารสวยงามให้ความรู้สึกอบอุ่นมากค่ะ
มีโซนที่นั่งหลายมุมให้ลูกค้าได้เลือกนะคะ จะมาเป็นคู่หรือมาเป็นกลุ่มก็มีรองรับเพียงพอค่ะ
นอกจากนี้ก็ยังมีโซนบาร์และมุมสำหรับฟังเพลงแบบใกล้ชิดติดขอบเวทีอีกด้วยค่ะ
สำหรับสายโซเซียลอย่างเราก็มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ กันด้วยนะคะ
เมนู และราคาอาหาร
สำหรับเมนูอาหารจะเป็นอาหารในสไตล์เฟรนช์-บิสโทร ที่มีรายการอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ให้ลูกค้าได้เลือกทานซึ่งคัดมาแล้วว่าน่าจะถูกใจและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า ซึ่งเมนูนั้นลิสต์ใหม่หมดทั้งในแบบเมนูอะลาคาร์ทและเมนูแชร์ริ่งค่ะ โดยผู้อยู่เบื้องหลังการรังสรรค์เมนูต่างๆ เหล่านี้เป็นฝีมือจากเชฟผู้มากความสามารถสัญชาติฝรั่งเศสกันเลยทีเดียวนะคะ ทำให้เราได้สัมผัสลิ้มรสชาติกลิ่นอายอาหารฝรั่งเศสได้ง่ายในใจกลางกรุงเทพมหานครนั่นเอง
หลังจากนั้นก็มาเริ่มประเดิมด้วยเมนู Complimentary ก็คือ Bread and Butter ซึ่งโดยปกติแล้วก็เสิร์ฟขนมปังมาให้ก่อนตามธรรมเนียมอาหารตะวันตกนะคะ โดยขนมปังที่ทางร้านนำมาเสิร์ฟนั้นเนื้อขนมปังด้านนอกจะแข็งเล็กน้อย ส่วนด้านในเนื้อจะนุ่มกำลังดี ทานคู่กับเนย AOP สุดพรีเมียมของฝรั่งเศสซึ่งมีความกลมกล่อมเข้ากันได้ดีกับขนมปังมากๆ นอกจากนี้ก็ยังมีหน้าตาสีสันสวยงามอีกด้วย งานนี้เพียงแค่เริ่มต้นก็จัดไปมากกว่า 1 แผ่นแล้วค่ะ ทานแล้วอร่อยถูกใจเลยค่ะ
Duck foie gras au torchon, Jean Larnaudie 630 บาท
เมนู Entrees ต่อมาก็คือ Duck foie gras au torchon, Jean Larnaudie ซึ่งต้องขอบอกก่อนว่าปกติใบไผ่จะไม่ค่อยชอบทาน Duck foie gras เพราะมีภาพจำหรือความรู้สึกที่เคยทานคือมีความคาวติดอยู่ แต่ความคิดนั้นต้องเปลี่ยนไปเพราะของที่นี่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงค่ะ โดยวิธีการทานนั้นจะทานคู่กับ fig chutney คล้ายๆ กับเป็นซอสหรือแยมที่ช่วยชูรสชาติให้ฟัวกราส์อร่อยยิ่งขึ้น (เป็นการนำลูกมะเดื่อไป preserved กับน้ำตาล รสหวานกลมกล่อม) ซึ่งเราก็จะทาขนมปังก่อนแล้วค่อยทาฟัวกราส์ท็อปลงไปบนขนมปัง ซึ่งจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความชอบของเราเลย (โดยขนมปังนั้นจะเป็นคนละแบบกับที่ทานคู่กับเนยนะคะ อันนี้จะมีความอ่อนนุ่มมากกว่าและด้านนอกของขนมปังไม่แข็งค่ะ)
Duck foie gras au torchon, Jean Larnaudie เนื้อเนียนรสชาติละมุนไม่มีความคาวใดๆ เลย
Artisanal smoked salmon 450 บาท
ส่วนเมนูนี้ต้องบอกเลยว่าใบไผ่ชอบมากค่ะเป็นอีกหนึ่งเมนูแนะนำที่ทุกคนต้องลองสั่งมาทานนะคะกับเมนูที่มีชื่อว่า Artisanal smoked salmon เป็นปลาแซลมอนรมควันที่เสิร์ฟมาพร้อมกับเลมอนสดและซอสครีมมี่สูตรพิเศษของทางร้านค่ะ
เป็นแซลมอนรมควันที่อร่อยละมุนลิ้นแทบละลายในปากเลยค่ะ
Avocado-shrimp cocktail 430 บาท
นอกจากนี้เราก็สั่ง Avocado-shrimp cocktail มาลองทานนะคะ เมนูนี้จะเป็นกุ้งตัวใหญ่ที่ลวกสุกแล้วแบบพร้อมทานเสิร์ฟมาคู่กับค็อกเทลสูตรพิเศษพร้อมอะโวคาโด นอกจากนี้ยังออนท็อปด้วยด้วยกุ้งอีกด้วยค่ะ และใครอยากเพิ่มความเปรี้ยวก็บีบมะนาวสดๆ ลงไปได้เลยค่ะ เมนูนี้แนะนำเลยว่ารสชาติอร่อยมากค่ะ
เมนู Avocado-shrimp cocktail น่าจะเป็นสวรรค์ของใครหลายๆ คนค่ะ
Main course La Formule 1,790 บาท
จากนั้นก็จะมาถึงคิว Main course La Formule โดยจะเป็นการรวมเมนูแบบจัดมาเป็นเซต ซึ่งสามารถทานได้ 1-2 คน ประกอบด้วยขนมปัง sour dough สลัด จานหลัก (เราสามารถเลือกเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นสเต๊กเนื้อริบอาย สเต๊กซี่โครงแกะแลมป์ช็อป หรือบัทเทอร์กริลล์กุ้งลายเสือย่างเนย) และนอกจากนี้ยังมี hand-cut fries ที่เสิร์ฟแบบไม่อั้นค่ะ
ทานแล้วสดชื่นมากๆ ค่ะ ช่วยตัดกับรสชาติเมนูจากหลักได้เป็นอย่างดี
ต่อมาเป็นอีกจุดเด่นของห้องอาหารแห่งนี้ก็คือเฟรนช์ฟรายส์ค่ะ โดยจะเป็นแบบ hand-cut หรือหั่นด้วยมือเลย รสชาติที่สัมผัสได้คือของที่นี่จะมีความกรอบนอกนุ่มใน ทานคู่กับจานหลักเข้ากันดีและทานได้แบบเพลินๆ เลยเพราะเสิร์ฟแบบไม่อั้นค่ะ
เฟรนช์ฟรายส์ดีงามมากค่ะและเสิร์ฟแบบไม่อั้น
และมาถึงไฮไลต์ของที่ห้องอาหารซึ่งใบไผ่เลือกเป็นสเต๊กเนื้อริบอาย และบัทเทอร์กริลล์กุ้งลายเสือย่างเนย มาดูเมนูแรก Entrecôte หรือสเต๊กเนื้อริบอายกันก่อนนะคะ สีสันหน้าาตาของเนื้อที่ย่างมาสุกแบบ medium rare น่าทานมากๆ โรยด้านบนด้วย sea salt และพริกไทยดำ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสสูตรพิเศษของทานร้านค่ะ
เนื้อนุ่มละลายในปาก และไม่มีความคาวใดๆ เลยค่ะ
และอีกเมนูจากหลักที่สั่งมาค่ะเป็นกุ้งลายเสือ Tiger prawns ตัวใหญ่หน้าตาน่ารับประทาน เนื้อกุ้งมีความแน่นรับรู้ได้สึกความสดของกุ้ง รสชาติหวานด้วยธรรมชาติและเข้ากันได้ดีกับน้ำซอสสูตรพิเศษของทางร้าน ที่ไม่ว่าจะทานคู่กับเนื้อหรือกุ้งก็เข้ากันได้ดีมากๆ ค่ะ
กุ้งตัวใหญ่เนื้อแน่นและสดมากเข้ากันได้ดีกับน้ำซอสสูตรพิเศษของทางร้าน
Strawberry & peach melba 310 บาท
จากนั้นก็มาปิดท้ายมื้ออาหารด้วยเมนูของหวานกันกับเมนูนี้ Strawberry & peach melba และอีกหนึ่งเมนูของหวานที่ต้องลองทานนะคะ เป็นทาร์ตลูกแพร์เป็นพายหวานอบกรอบ และทานคู่กับไอศกรีมอัลมอนด์ที่ไม่หวานมากแต่มีความหอมเวลาทาน ทานคู่กันอร่อยมากค่ะและถ้าใครอยากตัดเปรี้ยวก็ทานคู่กับซอสสตรอว์เบอร์รี สรุปคือหอมหวานอร่อยกำลังดี
อร่อยมากมีความครีมมี่ละมุนเวลาทานแบบสุดๆค่ะ หอมหวานอร่อยมากค่ะ
สรุปรสชาติอาหาร
Duck foie gras au torchon, Jean Larnaudie : เนื้อสัมผัสของฟัวกราส์มีความเนียนนุ่มมากและรสชาติไม่มีความคาวใดๆ เลย รสชาติละมุนกลมกล่อมอย่างบอกไม่ถูก มีความหอมอ่อนๆ เวลาทานและเข้ากันได้ดีกับขนมปังมากๆ
Artisanal smoked salmon : เนื้อแซลมอนมีความเค็มนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ จากการบีบเลมอนและเข้ากันได้ดีแบบสุดๆ กับซอสสูตรพิเศษของทางร้านที่มีความกลมกล่อมเนื้อเนียนเข้ากันได้ดีกับแซลมอน
Avocado-shrimp cocktail : รสชาติกุ้งนั้นมีความสดกรอบเนื้อแน่นยิ่งทานคู่กับซอสของทางร้านนั้นเข้ากันได้ดี มีความครีมมี่มากๆ และรสชาติไม่โดดมีความกลมกล่อมหอมมันและสดชื่นด้วยรสชาติของอะโวคาโด
Main course La Formule : เมนูสลัดนี้ก็จะเป็นการรวมตัวของผักสดหลากหลายชนิดค่ะ และโรยด้วยถั่ววอลนัทปรุงรสด้วยน้ำสลัดแบบใส ซึ่งรสชาตินั้นจะออกรสเปรี้ยวนิดๆ รสชาติผักจะเด่นนำค่ะ ให้ความรู้สึกสดชื่นเวลาทานค่ะ ซึ่งสามารถช่วยตัดกับรสชาติอาหารของจานหลักได้เป็นอย่างดี
สเต๊กเนื้อริบอาย : สำหรับรสชาตินั้นเนื้อมีความนุ่มแทบละลายในปาก ไม่มีความเหนียว ได้กลิ่นหอมเครื่องเทศ และไม่มีความคาวเลยค่ะ หรือจะตักซอสราดบนตัวเนื้อแล้วทานคู่กันก็มีความละมุนกลมกล่อมเข้ากันได้ดีแบบสุดๆ ค่ะ
บัทเทอร์กริลล์กุ้งลายเสือย่างเนย : เนื้อกุ้งมีความแน่นรับรู้ได้สึกความสดของกุ้ง รสชาติหวานด้วยธรรมชาติและเข้ากันได้ดีกับน้ำซอสสูตรพิเศษของทางร้าน ที่ไม่ว่าจะทานคู่กับเนื้อหรือกุ้งก็เข้ากันได้ดีมากๆ ค่ะ
Strawberry & peach melba : ไอศกรีมวานิลาออนท็อปด้วย Chantilly Cream เนื้อเนียนนุ่ม คล้ายๆ กับวิปครีมแต่อร่อยกว่าค่ะ และตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รีสด และถั่วอัลมอนด์โรยหน้า รสชาติเข้ากันได้ดี ด้วยรสชาติไอศกรีมไม่หวานมากเข้ากันกับเนื้อครีมสีขาวและให้ความรู้สึกสดชื่นเวลาทาน และยังมีความเปรี้ยวนิดๆ จากผลสตรอว์เบอร์รีสดอีกด้วยค่ะ
การประเมิน และให้คะแนน
รูปแบบของการประเมิน |
คะแนน |
รสชาติอาหาร |
4.10 |
บรรยากาศ |
4.30 |
ความคุ้มค่า |
4.00 |
คะแนนเฉลี่ย |
4.1333 |
จุดเด่นของห้องอาหารสปาสโซ่ (Spasso) ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ
1. เมนูอาหารต่างๆ คัดสรรมาอย่างดี ช่วยทำให้ลูกค้าสามารถเลือกเมนูได้ง่ายขึ้น และทางร้านใช้วัตถุดิบในการปรุงอาหารมีคุณภาพทำให้ได้รสชาติที่อร่อยกลมกล่อม
2. ภายในร้านบรรยากาศดีมาก มีที่นั่หลายมุมให้เลือกค่ะ
3. การบริการถือว่าบริการในระดับที่ดีมาก ทั้งเก็บจานเปล่า-เก็บโต๊ะ ตลอดเวลาทำให้สะดวกเวลาทาน และพนักงานยังมีการให้คำแนะนำในการทานการสั่งอาหาร หรือการเติมน้ำดื่มค่ะ
4. หลังเวลา 21.30 น. จะมีการเล่นหรือบรรเลงดนตรีสดน่าจะถูกใจสายฟังเพลงหรือชอบความชิลเป็นอย่างมาก และเพิ่มความเร้าใจด้วยดนตรีสดและแดนซ์ฟลอ ตั้งแต่เวลา 22.00 น. เป็นต้นไปค่ะ เหมาะกับการนัดปาร์ตี้หรือสังสรรค์กับเพื่อน หรือมาทานกันแบบคู่รักก็ได้ความโรแมนติกค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอแนะ
1. หากดนตรีสดขยับเวลามาเร็วขึ้นอีกนิดก็จะดีค่ะ เพราะลูกค้าจะได้ฟังเพลงแบบสดๆ ระหว่างรับประทานอาหารไปด้วยค่ะ
อิ่มอร่อยแบบได้อรรถรสในการทานมื้อค่ำแบบประทับใจทั้งรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมและบรรยากาศที่น่านั่งสบายๆแต่ให้ความรู้สึกมีระดับในสไตล์ French bistro เหมาะมากที่เราจะนัดเพื่อนมา hang out หรือจะมาสังสรรค์กับ business partners หรือจะพาคนรักหรือคนในครอบครอบมาทานมื้อค่ำแบบพิเศษๆ ก็เหมาะนะคะ ในใจกลางกรุงเทพมหานครที่เดินทางได้แบบสะดวกสบาย ใครยังไม่เคยมาต้องลองมาสักครั้งรับรองว่าจะติดใจและหลงรักอาหารฝรั่งเศสและเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศที่ชวนหลงใหลของห้องอาหารสปาสโซ่อย่างแน่นอนค่ะ