รีวิว Bodegas Wine ร้านอาหารสเปนฟิวชันพรีเมียม การันตีมิชลิน ไกด์ 3 ปีซ้อน ย่านราชพฤกษ์-นนทบุรี

           'Bodegas Wine' หนึ่งในร้านอาหารสเปนที่คออาหารสเปนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะร้าน Bodegas Wine เป็นร้านอาหารสเปนพรีเมียมย่านราชพฤกษ์ - นนทบุรี ที่ได้รับการการันตีจากมิชลิน ไกด์ต่อเนื่องถึง 3 ปี (2021 - 2023) ของ 'คุณเล็ก - จันทร์เพ็ญ เจียมสมัย' ผู้ที่หลงใหลในอาหารสเปนเป็นทุนเดิม จึงมีความตั้งใจจะเปิดร้านอาหารสเปนที่เข้าถึงทุกคน นำเสนออาหารสเปนในมุมมองที่เข้าใจง่าย และในปี 2024 นี้ ทางคุณเล็กและทีมงานได้มีการปรับโฉมร้าน Bodegas Wine ใหม่ในคอนเซปต์ 'Sustainability' ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

           ในการปรับโฉมใหม่ครั้งนี้ คุณเล็กได้มีการปรับทั้งระบบหลังบ้านและหน้าบ้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านบริการ ด้านบรรยากาศร้าน รวมไปถึงเมนูอาหารใหม่เกือบทั้งหมด! โดยยังคงคอนเซปต์เป็นร้านอาหารสเปนพรีเมียมที่เสิร์ฟทั้งเมนูอาหารสเปนฟิวชัน คัดสรรเฉพาะวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ เน้นวัตถุดิบท้องถิ่นในไทยเป็นหลัก นำเสนอเมนูใหม่ในรูปแบบ A la Carte Fine dining พร้อมการบริการแบบ Luxury Services เพื่อให้ทุกคนมาเปิดประสบการณ์การทานอาหารสเปนที่มีความสุขที่สุด

 

การเดินทาง

          ร้าน Bodegas Wine ตั้งอยู่ที่ถนนราชพฤกษ์ บางกร่าง นนทบุรี มีจุดสังเกตคืออยู่ใกล้ๆ กับร้านราชพฤกษ์ซีฟู้ด บุฟเฟ่ต์และร้านเหล่าเฮง ลูกชิ้นปลา การเดินทางแนะนำว่าให้เดินทางด้วยรถส่วนตัว โดยสามารถมาได้ 2 เส้นทาง คือมาจากถนนราชพฤกษ์ กรุงเทพฯ เพื่อข้ามคลองมหาสวัสดิ์ จากนั้นขับตรงไปอีกประมาณ 3 กม. เพื่อกลับรถ และขับตรงไปอีก 1 กม. ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ ส่วนเส้นทางที่สองคือมาจากถนนรัตนาธิเบศร์ จากนั้นให้ชิดซ้ายเข้าสู่ถนนราชพฤกษ์ค่ะ ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ

          และสำหรับลูกค้าที่นำรถยนต์ส่วนตัวมา สามารถจอดได้ที่บริเวณหน้าร้าน Bodegas Wine ทางร้านจะมีที่จอดรถให้บริการแบบไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

 

 

บรรยากาศร้าน

           สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับร้าน Bodegas Wine อาจจะคุ้นเคยกับบรรยากาศร้านที่มีความสดใสนิดๆ แต่หลังจากการปรับโฉมร้านใหม่ คุณเล็กมีความตั้งใจว่าอยากจะนำเสนอร้าน Bodegas Wine ที่เติบโตไปอีกระดับ เน้นการตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก โดยภายในร้านจะแบ่งออกเป็น 2 ชั้น สำหรับชั้นล่างของร้าน บรรยากาศร้านโดยรวมจึงเลือกใช้โทนสี Etoupe ที่ให้ความรู้สีกถึงความเรียบหรูและอบอุ่นไปในคราวเดียวกัน

          นอกจากนี้ในชั้นล่างจะยังมีโซนบาร์ที่ชื่อ 'Toro Bar by Bodegas Wine' โดยมีคอนเซปต์การตั้งชื่อมาจากคำว่า 'Toro' ที่มีความหมายว่ากระทิง ซึ่งก็ตรงตัวกับร้าน Bodegas Wine ที่เครื่องดื่มและเมนูอาหารในสไตล์กระทิงดุนั่นเอง

 

บรรยากาศร้าน Bodegas Wine ชั้นล่าง และ Toro Bar

 

           ส่วนชั้นสองก็เพิ่มความสบายขึ้นไปอีกนิด โดยมีการเลือกใช้โทนสีร้านเป็น Earth Tone จะมีความเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเน้นความโล่งโปร่งสบายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย และไม่ได้มีเพียงด้านการตกแต่งร้านเท่านั้นที่คุณเล็กให้ความใส่ใจ คุณเล็กยังให้ความสำคัญตั้งแต่โทนสี แสง และเสียง ไล่เรียงมาแต่การเลือกใช้แสงไฟที่เหมาะกับการทานอาหาร โดยใช้การคอนโทรลผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อให้โทนสีที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา รวมไปถึงดนตรี ที่ทางร้านจะมี Live Band ในทุกวันพฤหัสบดี - วันอาทิตย์ เวลา 18.30 - 21.30 น. 

 

บรรยากาศร้าน Bodegas Wine ชั้นสอง

ห้องไวน์ที่มีกิ่งต้นองุ่นอายุ 120 ปีที่อยู่คู่กับร้าน Bodegas Wine มาตั้งแต่เปิดร้าน

 

Bodegas Wine ร้านสเปนฟิวชันจากวัตถุดิบของไทย

 

           และอย่างที่บอกว่าร้าน Bodegas Wine เป็นร้านอาหารสเปนที่เกิดขึ้นจากความหลงใหลของคุณเล็ก และมีความต้องการอยากจะนำเสนอเมนูอาหารสเปนให้มีความเข้าใจง่าย ซึ่งโดยธรรมชาติของเมนูอาหารสเปนนั้นจะเป็นอาหารที่ไม่ได้เน้นการปรุงแต่งเยอะ แต่จะเน้นชูรสชาติของวัตถุดิบ โดยจะใช้ความกลมกล่อมจากวัตถุดิบธรรมชาติ คุณเล็กจึงค่อนข้างให้ความสำคัญกับวัตถุดิบเป็นหลัก และหลังจากที่มีการปรับโฉมร้านใหม่แล้ว ในส่วนของอาหาร - วัตถุดิบก็มีการปรับไปด้วยเช่นกัน

 

 

           ในส่วนของวัตถุดิบ ถึงแม้จะมีการใช้วัตถุดิบนำเข้าจากสเปนและยุโรป เช่น เนื้อหมูไอเบริโก, หอยเชลล์ และกุ้งแดง ฯลฯ แต่คุณเล็กได้มีการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นของไทยมากขึ้น เพื่อเป็นการลดการขนส่ง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมลพิษในอากาศ และนอกจากนี้คุณเล็กยังมองเห็นความพิเศษ ว่าของไทยก็มีคุณภาพดีไม่แพ้วัตถุดิบนำเข้า

           และเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่คุณเล็กมั่นใจจริงๆ จึงได้มีการลงพื้นที่จริงไปหาวัตถุดิบ โดยจะเน้นเป็นวัตถุดิบท้องถิ่นที่เป็นออร์แกนิก และไม่ใช้สารเคมี เช่น ปลาตามฤดูกาลจากประมงท้องถิ่นในกระบี่ และไก่ที่เลี้ยงแบบ Free Ranch จากโคราช ฯลฯ และนำมาต่อยอดเพิ่มเลเยอร์รสชาติด้วยเทคนิคเฉพาะอีกมากมาย เช่น การ Dry Age และการซูวี ฯลฯ

 

 

           เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของวัตถุดิบ ภาพรวมของเมนูอาหารก็มีการปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน โดยทางร้านจะยังคงคอนเซปต์ที่จะนำเสนออาหารสเปนแบบฟิวชันสเปน - เอเชีย รวมไปถึงมีการเพิ่มเมนูใหม่ๆ เข้ามาให้เลือกทานอีกเพียบ นำเสนอออกมาเป็นเมนูอาหารในรูปแบบ A la Carte Fine dining พร้อมการบริการแบบ Luxury Services ที่มีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนตั้งแต่การปรุงไปจนถึงการเสิร์ฟให้ถึงมือลูกค้า

 

 

Starter

           ขอเริ่มต้นกันด้วยเมนู Starter ที่ทางร้านจะมีเป็นบริการให้กับลูกค้าทุกคน โดยทางร้านจะมีการเสิร์ฟทั้ง Welcome Drink, ขนมปังโฮมเมด, น้ำมันมะกอก และ Mini Tapas ซึ่งในส่วนนี้ทางร้านก็ได้มีการปรับวิธีการเสิร์ฟ ที่จะเลือกเสิร์ฟตามที่ลูกค้าต้องการเท่านั้น เพื่อเป็นลดการ Food Waste ที่ไม่จำเป็น

 

 

Paella De Gambas ราคา 2,200 บาท

            เมื่อพูดถึงอาหารสเปน เมนูที่หลายๆ คนน่าจะรู้จักกันดีเป็นอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้นเมนู 'Paella' หรือเมนู 'ข้าวหุง' ที่มีภาพลักษณ์เป็นข้าวหุงในกระทะใหญ่ตามตำรับสเปน ซึ่งเป็นเมนูที่มีความซับซ้อนในการทำ

            ในส่วนของร้าน Bodegas Wine นั้นจะเป็นเมนูที่ชื่อว่า 'Paella De Gambas' หรือปาเอย่ากุ้งแดง เมนูแนะนำจากมิชลิน ไกด์ โดยจะเป็นข้าวหุงในสไตล์บาเลนเซีย เชฟจะนำข้าวมาหุงกับน้ำสต็อกกระดูกปลา ที่มีรสชาติของความเป็นทะเลแบบธรรมชาตินานถึง 45 นาที เพื่อให้ข้าวมีความแห้ง จากนั้นนำมาท็อปด้วยกุ้งแดงอาร์เจนติน่า ซอส และเลมอน

 

 

Jamon Iberico PLATA (50 g.) ราคา 800 บาท

            อีกหนึ่งเมนูตำรับคลาสสิกจากสเปน 'Jamon Iberico PLATA' หรือแฮมหมูดำ ซึ่งเป็นแฮมที่มีรสชาติและราคาสูงที่สุดในโลก เพราะแฮมหมูดำตัวนี้จะทำมาจาก 'เนื้อหมูไอเบริโก' หมูพื้นเมืองของสเปนที่มีการเลี้ยงแบบ Free Ranch เลี้ยงด้วยผลต้นเอคอร์น แบบไม่มีการให้สารเคมีใดๆ อีกทั้งยังผ่านกระบวนการแปรรูปเพื่อกำจัดปรสิตเรียบร้อยแล้ว

            ในการนำเนื้อหมูมาทำเป็นแฮมชนิดนี้ จะต้องนำเนื้อหมูมาผ่านกระบวนการบ่มด้วยเกลือในอุณหภูมิต่ำนานกว่า 24 เดือน จนได้แฮมที่มีรสชาติและกลิ่นที่เข้มข้น สำหรับเมนูนี้แนะนำว่าให้แพริ่งคู่กับไวน์สเปนของทางร้าน

 

 

Grilled Pluma ราคา 1,800 บาท

            ตามมาด้วยอีกหนึ่งเมนูจาก 'เนื้อหมูไอเบริโก' หมูพื้นเมืองสเปน ซึ่งเมนูนี้จะเชฟจะเลือกใช้ส่วนสันคอของหมูไอเบริโกมาย่างในเตาถ่านที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อให้สเต๊กชิ้นมีทั้งความชุ่มฉ่ำ และมีกลิ่นหอมถ่านในทุกๆ คำ โดยเมนูนี้ทางร้านจะเสิร์ฟในระดับมีเดียม (เนื้อหมูไอเบริโกสามารถทานได้ระดับมีเดียมแรร์ได้) และจัดเสิร์ฟพร้อมซอสชิมิชูริสูตรของทางร้าน

 

 

Cuttlefish Chili Garlic ราคา 450 บาท

            และอย่างที่บอกว่าทางร้านนั้นไม่ได้มีเพียงแค่เมนูต้นตำรับเท่านั้น แต่ยังมีเมนูฟิวชันขึ้นชื่ออีกมากมาย โดยเฉพาะเมนู 'Cuttlefish Chili Garlic' หรือหมึกกระดองนำมาสไลซ์ ผัดพริกกระเทียม ที่ผสมผสานระหว่างรสชาติสเปนและเอเชียเข้าไว้ด้วยกันในจานเดียว

           ตัวเส้นจะมีความกรอบเด้งและมีกลิ่นหอมปลาหมึก ในด้านรสชาติก็จะมีทั้งความเผ็ดร้อนแบบเอเชีย-สเปน ครบทั้งรสชาติของพริก กระเทียม เห็ด และน้ำมันมะกอก ท็อปด้วยพาร์สลีย์

 

 

Scallop Cold Pasta ราคา 480 บาท

            อีกหนึ่งเมนูพาสต้ายอดนิยมของร้าน Bodegas Wine ที่ถ้าหากมาถึงร้านแล้ว คุณเล็กก็แนะนำว่าไม่ควรพลาด กับเมนู 'Scallop Cold Pasta' หรือเมนูพาสต้าที่จะเสิร์ฟแบบเย็น โดยทางร้านจะเลือกใช้เป็นเส้นพาสต้าแองเจิลแฮร์ และเสิร์ฟเย็นๆ ปรุงรสชาติด้วยซอสที่มีส่วนผสมของยูซุ, ทรัฟเฟิล และสาหร่ายวากาเมะ ท็อปด้วยหอยเชลล์หั่นที่ผ่านการเซียร์มาแล้ว

 

 

Iberico Wellington ราคา 1,600 บาท

            'Iberico Wellington' หนึ่งในเมนูสุดคลาสสิกของทางร้านที่ได้รับการการันตีจากมิชลิน ไกด์ ซึ่ง Wellinton ตามปกติคือมักจะนิยมใช้เนื้อวัวทำ แต่สำหรับร้าน Bodegas Wine จึงเสิร์ฟเป็นสันในหมูดำไอเบริโกแทน เสิร์ฟแบบมีเดียม พร้อมกับซอสจูส์ทรัฟเฟิล

            และอีกหนึ่งความแตกต่างหลังจากการปรับโฉมร้าน เมนูนี้ก็ได้มีการปรับโฉมใหม่ด้วยเช่นกัน โดยจะปรับหน้าตาให้มีความเป็น Traditional มากขึ้น อีกทั้งยังมีการตกแต่งหน้าตาเป็นรูปใบองุ่นเพื่อสื่อถึงตัวตนของ Bodegas Wine อีกด้วย (เมนูนี้แนะนำให้สั่งล่วงหน้า 2 วัน)

 

 

Txangurro Fusion ราคา 380 บาท

            ขอเริ่มต้นในส่วนของเมนูใหม่ประจำฤดูกาลกันด้วยเมนู 'Txangurro Fusion' หรือเมนูปูอบตำรับจากสเปนที่ทางร้านนำมาเสิร์ฟในสไตล์ฟิวชัน เมนูนี้จะเป็นเมนูปูอบที่มีส่วนผสมหลักเป็นเนื้อกรรเชียงปู โดยตามปกติทางสเปนจะนิยมใช้เป็นปูสไปเดอร์ แต่เมื่อมาเสิร์ฟในร้าน Bodegas Wine ที่เน้นวัตถุดิบท้องถิ่นในไทยเป็นหลัก ทางเชฟจึงได้ปรับเปลี่ยนมาเป็น 'ปูม้า' จากเกาะลันตา สามารถจับได้ตามธรรมชาติ เสริมความอร่อยด้วยเกล็ดขนมปัง ไข่เค็ม มันปู และท็อปด้วยซอส

 

 

Fish & Trio Chips ราคา 450 บาท

            'Fish & Trio Chips' อีกหนึ่งเมนูใหม่จากทางร้านที่มีการนำเสนอ Fish & Chips สไตล์ใหม่ตามแบบฉบับ Bodegas Wine วัตถุดิบหลักของจานนี้จะอยู่ที่ปลาของทางร้าน ซึ่งจะเลือกใช้ปลาในไทยตามฤดูกาล โดยฤดูกาลนี้จะเป็นปลากะพงเขียว ที่ผ่านการดรายเอจมาแล้ว 3 วัน เพื่อให้มีรสชาติเข้มข้นขึ้น จากนั้นนำไปทอดจนหนังกรอบ เสิร์ฟคู่กับ Chips 3 สีจากวัตถุดิบธรรมชาติ คือ มันฝรั่ง, ฟักทอง และบีทรูท ที่ผ่านการ Dehydration และนำมาทอดกรอบๆ เสิร์ฟพร้อมซอสสูตรเฉพาะจากทางร้าน

 

 

Chicken Earth ราคา 580 บาท

            ถ้าหากใครยังไม่อิ่มจุใจกับเมนูใหม่ ขอแนะนำ 'Chicken Earth' อีกหนึ่งเมนูใหม่ที่เชฟภูมิใจนำเสนอ เป็นเมนูที่มีส่วนผสมหลักเป็นไก่ท้องถิ่นจากฟาร์มที่โคราช โดยทางร้านจะเลือกใช้ไก่ที่เลี้ยงแบบ Free Ranch ไม่ใช้สารเคมี และได้รับอาหารแบบออร์แกนิกเท่านั้น

            ถึงแม้จะดูเป็นเมนูไก่ทอดธรรมดา แต่ต้องขอบอกก่อนเลยว่า Chicken Earth เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ผ่านกระบวนการมากมายทั้งการ Dry Age 5 วัน จากนั้นนำมาซูวี และทอดด้วยกรรมวิธี Deep Fried ก่อนเสิร์ฟ เพื่อให้ได้ไก่ที่มีความฉ่ำจากข้างใน และกรอบนิดๆ นอกจากนี้ตัวไก่ยังสอดไส้ด้วยแอปปริคอตเพิ่มรสชาติ เสิร์ฟพร้อมซอสต้นกระเทียมและทรัฟเฟิล

 

 

Seasonal Fish & Scallop Khao Soi ราคา 680 บาท

            ปิดท้ายกันด้วยเมนูฟิวชันที่ผสมผสานระหว่างความเป็นไทยและสเปนได้อย่างลงตัวในสไตล์ Fine Dining กับเมนู 'Seasonal Fish & Scallop Khao Soi' หรือเมนูข้าวซอยปลาและหอยเชลล์

            วัตถุดิบหลักของจานนี้จะเป็นปลากะพงเขียวที่จับได้ในฤดูกาลนี้ โดยเชฟจะนำปลากะพงเขียวมา Dry Age 3 วัน จากนั้นมา seasoning สักเล็กน้อยเพิ่มรสชาติ ก่อนจะนำไปเซียร์จนหนังกรอบ เสิร์ฟคู่กับเส้นข้าวซอย เครื่องสมุนไพร และหอยเชลล์เซียร์ พร้อมด้วยน้ำซุปข้าวซอยที่มีกลิ่นหอมตามตำรับภาคเหนือของไทย

 

 

สรุปรสชาติอาหาร

Paella De Gambas : ปาเอย่าของทางร้านจะเป็นสไตล์บาเลนเซีย ที่เน้นรสชาติซีฟู้ด ในกระทะจะเสิร์ฟข้าวหุงมาพร้อมกับกุ้งแดงอาร์เจนติน่า ที่มีความสด เนื้อกรอบเด้ง และไม่มีกลิ่นคาวมากวนใจค่ะ ส่วนตัวข้าวถึงแม้จะมีความแห้ง แต่ยังคงความนุ่มของเม็ดข้าวไว้ได้ดีค่ะ รสชาติโดยรวมจะมีความกลมกล่อม และหอมซีฟู้ดแบบธรรมชาติ อีกทั้งยังมีกลิ่นไหม้ๆ จากการหุงทำให้เมนูนี้มีสรชาติเป็นเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น สำหรับใครที่อยากเพิ่มรสชาติ สามารถบีบมะนาวเติมความเปรี้ยว คลุกข้าวให้เข้ากับซอสได้

Cuttlefish Chili Garlic : หมึกกระดองนำมาสไลซ์จะมีความกรอบเด้ง ในส่วนของรสชาติจะมีเผ็ดร้อนกำลังดีจากพริก ออกเค็มนิดๆ และมีกลิ่นหอมจากเครื่องปรุง

Grilled Pluma : เมนูนี้ทางร้านจะเสิร์ฟมาในระดับมีเดียม เนื้อหมูจึงมีความนุ่มความฉ่ำจากข้างใน เนื้อไม่เหนียว หอมกลิ่นเตาถ่านนิดๆ ส่วนตัวซอสชิมิชูรีจะหอมกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพร ช่วยเพิ่มรสชาติของสเต๊กได้

Scallop Cold Pasta : ตัวเส้นพาสต้าจะลวกมาสุกพอดี นิ่มแต่ไม่เละค่ะ เมื่อทานแล้วจะได้สัมผัสที่หลากหลายทั้งกลิ่นหอมของทรัฟเฟิล ความเปรี้ยวสดชื่นจากยูซุ และความหวานความสดจากโฮตาเตะ

Jamon Iberico PLATA : ทางร้านสไลซ์แฮมมาเป็นชิ้นบางๆ มีทั้งส่วนที่เป็นเนื้อแดงและไขมันค่ะ สำหรับเมนูนี้อาจจะมีไขมันที่เยอะกว่า Jamon Iberico ORO จึงจะเหมาะกับคนที่ชอบทานไขมันค่ะ ส่วนรสชาติจะมีความเข้มข้น ออกเค็มนิดๆ แต่ถึงแม้จะมีไขมันเยอะแต่ทานแล้วไม่เลี่ยนเลยค่ะ เป็นเมนูที่ค่อนข้างประทับใจค่ะ

Iberico Wellington : เมนูนี้ทางร้านจะเสิร์ฟมาชิ้นค่อนข้างใหญ่ค่ะ สามารถแบ่งทานได้ 2 - 4 ท่าน เป็นเมนูที่ค่อนข้างคุ้มค่า มีรสชาติหลายเลเยอร์ ไล่เรียงตั้งแต่ขนมปังด้านนอกที่จะมีความหอมจากไข่และนม เนื้อขนมปังไม่แข็งค่ะ ส่วนตัวหมูจะเสิร์ฟมาระดับมีเดียม จึงมีความนุ่ม ความฉ่ำของหมู และตัวซอสจะมีกลิ่นหอมทรัฟเฟิลและออกหวานนิดๆ มีความกลมกล่อมเข้ากันดีกับตัวเวลลิงตันค่ะ

Txangurro Fusion : ทางร้านเลือกใช้เป็นเนื้อปูกรรเชียง ไซซ์ค่อนข้างใหญ่เต็มคำ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมจากครัมเบิลและสัมผัสของไข่เค็ม รสชาติโดยรวมจะออกหวานๆ ทานง่าย อีกทั้งยังมีซอสเพิ่มรสชาติ

Fish & Trio Chips : เมนูนี้จะเป็น Fish & Chips สไตล์ใหม่ วันนี้ทางร้านจะเสิร์ฟเป็นเนื้อปลากะพงเขียวชุบแป้งทอดกรอบ เนื้อปลาแน่น ไม่เละ และไม่มีกลิ่นคาวค่ะ ในส่วนของ Chips จะมีความกรอบ บาง แต่ไม่แข็ง แนะนำให้ทานตอนเสิร์ฟร้อนๆ จะคงความกรอบไว้ได้ดี

Chicken Earth : ทางร้านจะเสิร์ฟไก่มาชิ้นใหญ่ค่ะ โดยจะเลือกใช้เป็นส่วนขา ที่ทางร้านนำไป Dry Age, ซูวี และทอดแบบ Deep Fried ทำให้เนื้อไก่มีความนุ่ม ชุ่ม ฉ่ำจากด้านใน และมีสัมผัสที่กรอบจากการคลุกเกล็ดขนมปัง ส่วนตัวซอสจะมีกลิ่นหอมของทรัฟเฟิลเข้มข้น เข้ากันดีกับไก่ทอด

Seasonal Fish & Scallop Khao Soi : วันนี้ทางร้านเลือกใช้ปลากะพงเสิร์ฟมาชิ้นใหญ่ มีความสด เนื้อแน่น ไม่เละ ไม่มีกลิ่นคาว อีกทั้งยังมีความกรอบจากหนังที่ผ่านการเซียร์มาแล้วค่ะ ในส่วนของหอยเชลล์ก็มีความกรอบเด้ง ส่วนรสชาติข้าวซอยจะมีความไลท์ๆ รสชาติเบาๆ ทานง่ายค่ะ

 

จุดเด่นของร้าน Bodegas Wine

1. ร้าน Bodegas Wine เป็นร้านอาหารสเปนฟิวชัน ที่มีการนำเสนอเมนูอาหารสเปนให้เข้าถึงคนไทย โดยจะมีทั้งเมนูซิกเนเจอร์ยอดนิยม ที่หาทานยาก และเมนูอาหารสเปนฟิวชันกับรสชาติแบบเอเชีย บางเมนูจึงเป็นเมนูที่หาทานได้ที่นี่เท่านั้น

2. ในปี 2024 ทางร้านได้มีการปรับโฉมร้านใหม่ และมีคอนเซปต์ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เอาใจใส่ด้านสิ่งแวดล้อม โดยได้มีการปรับตั้งแต่ระบบหลังบ้าน เช่น การลดการขนส่งวัตถุดิบเพื่อลดมลภาวะ, ใช้แอปพลิเคชันเพื่อควบคุมพลังงงานไฟฟ้า และลด Food Waste ฯลฯ

3. ด้านวัตถุดิบ ทางร้านมีการคัดสรรอย่างดี โดยจะเลือกใช้วัตถุดิบนำเข้าจากสเปน - ยุโรป เช่น เนื้อหมูไอเบริโก, หอยเชลล์ และกุ้งแดงอาร์เจนติน่า และวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยเป็นหลัก โดยจะเลือกใช้วัตถุดิบที่มีความออร์แกนิก ไม่มีการใช้สารเคมี หาได้จากธรรมชาติ เช่น ไก่จากฟาร์มโคราช ที่เลี้ยงแบบ Free Ranch, ปูม้าจากทะเลไทย และปลาตามฤดูกาลจากประมงท้องถิ่น

4. ในส่วนของเมนูอาหาร ทางร้านได้มีการปรับโฉมเมนูใหม่ โดยยังคงเมนูอาหารซิกเนเจอร์เอาไว้ แต่เพิ่มความหลากหลายให้เข้ากับวัตถุดิบ

 

5. เมนูอาหารแต่ละเมนูของทางร้าน มีความพิถีพิถัน และทำออกมาได้รสชาติดี โดยได้รับการการันตีจาก Michelin Guide ถึง 3 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2021 - 2023

6. ทางร้านได้มีการรีโนเวทภายในร้าน และปรับบรรยากาศใหม่ โดยได้มีการตกแต่งมาในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก เน้นบรรยากาศเรียบหรูมากขึ้น อีกทั้งยังเอาใจใส่กับบรรยากาศด้านอื่นๆ นอกจากการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็น Mood & Tone ของร้าน, ไฟ และดนตรี

7. ในด้านการบริการทางร้านได้มีการบริการแบบ Fine Dining มีมาตรฐานในการบริการ โดยพนักงานทุกคนในร้านจะมีผ่านการจัดอบรมจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการบริการลูกค้าให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด

8. ทางร้านจะมีบริการดนตรีสดทุกสัปดาห์ ในทุกวันพฤหัสบดี - วันอาทิตย์ 18.30 - 21.30 น.

9. ที่ตั้งร้านจะสะดวกกับลูกค้าที่นำรถส่วนตัวมา เพราะทางร้านจะมีที่จอดรถให้บริการ โดยสามารถจอดได้ที่บริเวณหน้าร้าน ไม่มีค่าใช้จ่าย

 

ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอแนะ

1. ราคาอาหารทั้งหมดในเมนูของร้าน Bodegas Wine ยังไม่รวม Service Charge 10%

2. ร้าน Bodegas Wine เปิดให้บริการ วันจันทร์ - วันศุกร์ 16.00 - 23.00 น. และวันเสาร์ - วันอาทิตย์ 11.00 - 14.00 น., 17.00 - 23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 061-407-8222 / LINE : @bodegaswine

3. ร้านจะตั้งอยู่ที่ถนนราชพฤกษ์ ตำบลบางกร่าง จังหวัดนนทบุรี (ถนนเส้นเดียวกับ The Walk ราชพฤกษ์) ซึ่งสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ที่สุดจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีม่วง คือ สถานีบางรักน้อยท่าอิฐค่ะ (ประมาณ 5 กม.)

 

 

            ใครที่อยากจะเปิดประสบการณ์การทานอาหารในแบบพรีเมียมชวนประทับใจ พร้อมด้วยเมนูอาหารสเปนที่เข้าถึงง่าย ขอแนะนำร้าน Bodegas Wine ให้เป็นอีกหนึ่งร้านที่ต้องเก็บไว้ในลิสต์ พราะทางร้านพร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารสเปนที่ต้องบอกว่าไม่ได้หาทานได้ง่ายๆ ในไทย อีกทั้งยังรสชาติดีชวนประทับใจ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และยังจัดเสิร์ฟในร้านบรรยากาศดีน่านั่งในทุกโอกาส ไม่ว่าจะมาเพื่ออาหารอร่อยๆ หรือเสพบรรยากาศก็บอกเลยว่าไม่มีผิดหวัง!

 

เมนูแนะนำของร้าน Bodegas Wine

Paella De Gambas

ราคา 2,200 บาท
ปาเอย่ากุ้งแดง

Jamon Iberico PLATA (50 g.)

ราคา 800 บาท
ฮามอน ไอเบริโก 24 เดือน

Scallop Cold Pasta

ราคา 480 บาท
พาสต้าเย็นและหอยเชลล์

Iberico Wellington

ราคา 1,600 บาท
สันในหมูดำไอเบริโกเวลลิงตันและทรัฟเฟิลจูส์

Txangurro Fusion

ราคา 380 บาท
ปูอบสไตล์สเปนฟิวชัน

Seasonal Fish & Scallop Khao Soi

ราคา 680 บาท
ข้าวซอยปลาและหอยเชลล์

เขียนโดย
a girl who has a passion for eating food!
จำนวนบทความที่รีวิว : 99
วันที่เขียนรีวิว : 2024/12/20
0.00 - 0.00 บาท
Rating Distribution
รสชาติอาหาร
4.15
การบริการ
4.05
ตกแต่งสถานที่
4.05
ราคาเหมาะสม
4.00
แผนที่ร้าน Bodegas Wine
ที่อยู่ :
67 48-49 ม.8 ถนน ราชพฤกษ์ ตำบล บางกร่าง อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรี 11000 ต. บางกร่าง อ. เมืองนนทบุรี จ. นนทบุรี ประเทศ Thailand
เบอร์ติดต่อ :
061 407 8222
ช่วงเวลา :
วันจันทร์-วันศุกร์ 16.00-23.00 น.
วันเสาร์-วันอาทิตย์ 11.00-14.00 น., 17.00-23.00 น.
ช่วงราคา :
0.00 - 0.00 บาท
ที่จอดรถ :
ไม่ระบุ
รับบัตรเครดิต :
ไม่ระบุ
รับจองล่วงหน้า :
ไม่ระบุ

TOP