KinLenn’s eatery & play เปิดประสบการณ์กินรูปแบบใหม่ เสิร์ฟเมนูอาหารแบบคอร์ส พร้อมกระทบไหล่ศิลปินอย่างใกล้ชิด @BTS อารีย์

          หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาอาหารมื้อค่ำสุดแสนพิเศษให้กับคนรู้ใจ ภายใต้บรรยากาศเรียบหรูแต่อบอุ่น และมีความเป็นกันเอง หรือกำลังมองหาความมื้ออร่อยแบบไทยสไตล์ฟิวชั่นที่มีความครีเอทไม่ซ้ำใคร แถมเพื่อนๆ จะได้ฟังเพลงเพราะและใกล้ชิดศิลปินคนโปรดในบรรยากาศแบบเป็นกันเอง แนะนำไปลองลิ้มรสความอร่อยและสัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้ได้ที่ร้าน KinLenn’s eatery & play ย่านอารีย์ค่ะ 

 

 

 

 

          เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นไอเดียดีๆ ที่ทางร้านได้ครีเอทอีเวนท์น่ารักๆ ให้ลูกค้าได้มาเอ็นจอยกันในช่วงเวลาสำคัญแสนพิเศษอย่างวันวาเลนไทน์นั่นเอง ภายใต้งานที่มีชื่อว่า KinLenn’s Dining Experience Chapter 1 “วาเลนไทน์กินเป็นคู่ดู Polycat” โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของทางร้านที่ได้ลองจัดอีเวนท์พิเศษนี้ขึ้นมา และได้เชิญศิลปินคนโปรดชนิดที่เรียกว่าเอ็กคูลซีฟสุดๆ มาร้องเพลงให้ฟังในระหว่างที่เรานั่งรับประทานอาหาร เรียกได้ว่ากระทบไหล่ใกล้ชิดกันไปเลย ซึ่งนอกจากนี้ลูกค้าจะได้เต็มอิ่มกับอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่นที่เสิร์ฟมาให้รับประทานแบบเรียบหรู และอิ่มใจไปกับเสียงเพลงดนตรีสดจากศิลปินคนโปรดแบบจัดเต็มค่ะ

 

 

 

          ก่อนอื่นมาดูเรื่องการเดินทางกันก่อนนะคะ ซึ่งถือว่าสะดวกสบายมากเพราะร้านอยู่ติดกับสถานี BTS อารีย์ (ทางออกที่ 2) จากนั้นเดินย้อนกลับไป 40 เมตรก็เจอร้านอยู่ขวามือเลยค่ะ หรือใครจะขับรถมาก็มีที่จอดอยู่บ้างนะคะแต่ไม่มากนัก ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ทางร้านก็ได้เตรียมที่จอดรถให้ลูกค้าที่ตึก The seasons mall โดยจะมีบริการรถตู้รับส่งสำหรับลูกค้าบริเวณหน้าร้านยาโยอิค่ะ ส่วนบรรยากาศโดยรวมของร้านตกแต่งได้สวยงาม ให้ความรู้สึกน่ารักแฝงด้วยความเรียบหรูดูแพง อย่างบนโต๊ะที่เรานั่งก็มีการจัดโต๊ะอาหารได้น่ารักและสวยงาม โดยมีอุปกรณ์การทานต่างๆ เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม มีผ้ากันเปื้อนที่ผูกโบว์และตกแต่งดอกไม้สดสีแดงน่ารักมากๆ และให้ความรู้สึกสดชื่นเมื่อได้มอง นอกจากนี้ยังมีผ้าเช็ดมือในขันเงินใบเล็กที่มีดอกมะลิอยู่ เวลาหยิบมาเช็คมือสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของดอกมะลิลอยขึ้นมา หอมชื่นใจจริงๆ บรรยากาศโดยรวมของร้านถือได้ว่าอบอุ่น เหมาะสำหรับพาคนรักมานั่งทานอาหารค่ะ แต่อาจจะติดนิดหน่อยตรงที่เก้าอี้ของทางร้านไม่สามารถเอากระเป๋าวางพิงไว้ด้านหลังได้ สาวๆ อาจจะต้องวางกระเป๋าไว้บนตักหรือวางที่พื้นค่ะ ส่วนการจัดโต๊ะที่นั่งไม่เบียดกันเกินไป ระหว่างรออาหารนั้นทางร้านจะมีชุดเกมส์น่ารักๆ คล้ายกับเกมส์บันไดงูที่เราเล่นตอนเล็กๆ พร้อมลูกเต๋าที่ใช้สำหรับการทอยให้เราได้เล่นระหว่างรออาหาร ซึ่งก็ในเกมส์จะมีเมนูอาหารของทางร้านแฝงอยู่นั่นเองค่ะ ถือว่าเล่นเพลินๆ ได้ดีค่ะ หากใครที่มากับเพื่อนๆ หรือคู่รักก็ถือว่าเป็นกิจกรรมสร้างเสียงหัวเราะและทำให้เราผ่อนคลายไม่เครียดได้นะคะ 

 

เมนูเมี่ยงพล่าส้มโอในกลีบบัว

 

          ส่วนเมนูอาหารที่ทางร้านจัดเสิร์ฟนั้นจะมาเป็นคอร์ส แต่ละเมนูของทางร้านนั้นมีความครีเอทและตกแต่งได้น่ารับประทานมาก หน้าตาของแต่ละจานมีความสวยงาม ซึ่งสามารถเพิ่มความอยากอาหารและเรียกน้ำย่อยของเราได้เป็นอย่างดี มาประเดิมกันด้วยพรีคอร์ส เรียกน้ำย่อยกันก่อนเลยดีกว่าค่ะ กับเมนูเมี่ยงพล่าส้มโอในกลีบบัว มีความละมุนละไมงดงามแบบฉบับแม่หญิงการะเกดมากๆ ด้วยสีสันชมพูหวานจากกลีบบัวจริงๆ ที่ใช้เป็นภาชนะในการใส่เมี่ยงแบบพอดีคำ วางบนเกลือสีชมพูเพิ่มความสวยงามไปอีกค่ะ วิธีการทานคือใช้มือหยิบทานได้เลย รสชาติไม่ต้องอธิบายให้มากความค่ะ ถือว่าอร่อยเลยทีเดียวด้วยความเปรี้ยวของส้มโอที่เปรี้ยวแบบพอดีไม่มากจนเกินไปตัดกับส่วนผสมต่างๆ ที่คลุกเคล้ามาเพิ่มเท็กเจอร์ ในการเคี้ยวให้มีความกรุบกรอบอนุมานได้ว่าน่าจะเป็นมะพร้าวแห้งคั่ว และใบบัวก็ไม่ได้มีความขมค่ะ รสชาติโดยรวมเข้ากันดี

 

เมนูแตงโมโบราณ

          ต่อมาก็คือเมนูแตงโมกินเล่นกับเมนูแตงโมโบราณค่ะ หั่นเสิร์ฟแบบชิ้นพอดีคำทรงสี่เหลี่ยมลูกเต๋าโรยหน้าด้วยท้อปปิ้งที่แตกต่างกัน สำหรับแตงโมกินเล่นจะโรยหน้าด้วยผงปลาแห้งที่หอมการคั่ว จะได้ความชุ่มฉ่ำของน้ำแตงโมเคล้ากับความเค็มหวานของปลาแห้งกรอบซึ่งรสชาติอร่อยตัดกันดี และอีกคำเมนูแตงโมโบราณ วิธีการทานคือต้องบีบมะนาวลงไปก่อนซึ่งความเปรี้ยวของมะนาวกับความหวานของแตงโมบวกกับความกรุบกรอบของถั่วพิสตาชีโอ ที่เพิ่มความมันให้รสชาติที่อร่อยเข้ากันมาก ซึ่งทั้งสองคำนี้ทานแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นมากๆ

 

เมนูหอยเชลล์ฮอกไกโด

 

          ต่อมาก็คือเมนูหอยเชลล์ฮอกไกโดจัดเสิร์ฟมาคู่กับยำมะม่วงสุก ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าชอบเมนูนี้มากเพราะหอยเชลล์ไม่มีความคาวเลย เนื้อหอยให้รสชาติหวานตัดกับความเค็มนิดๆ ของน้ำซอสที่ราดมาบนตัวหอยจัดว่าเด็ดค่ะ มีความหอมควันที่ได้จากการทำให้สุกโดยการเบิร์นและยิ่งได้ทานคู่กับยำมะม่วงสุกยิ่งอร่อยเข้าไปอีก เพราะยำมะม่วงสุกใส่ทั้งหอมแดง พริกและมีผักชีฝรั่งด้วย รสชาติเผ็ดแซ่บกำลังดีความเปรี้ยวของน้ำยำตัดกับความหวามหอมหวานของมะม่วงสุกเข้ากันดีมาก ได้รสชาติแซ่บถูกใจและหอมแบบไทยๆ จากผักชีฝรั่ง เพิ่งเคยได้ลองทานครั้งแรก และรู้สึกประทับใจรสชาติเมนูนี้มากค่ะ

 

 

          จากนั้นก็มาเริ่มเมนูอาหารที่ทานแบบจริงจังกันบ้างนั่นก็คือ พิซซ่าลาบเป็ด ไก่กรอบ และยำขนมจีนค่ะ จัดเสิร์ฟมาแบบเป็นชุดเซ็ตไซส์มินิน่ารักๆ ซึ่งตัวพิซซ่าเองก็วางบนกล่องพิซซ่าขนาดย่อส่วนค่ะ มีอุปกรณ์ส้อมและที่ตัดพิซซ่าแบบอันเล็กน่ารักให้เราด้วย สำหรับตัวแป้งของพิซซ่ามีความบางและกรอบดีค่ะ ส่วนลาบเป็ดก็ให้ความรู้สึกทานลาบเป็ดจริงๆ ไม่ได้จืดและเครื่องถึงดี มีกลิ่นหอมใบมะกรูดให้เราได้สัมผัส มีความเผ็ดเปรี้ยวกำลังดีและไม่เผ็ดมากนัก  ส่วนไก่กรอบคล้ายกับหนังไก่กรอบค่ะ แต่ค่อนข้างแข็งไปหน่อยทำให้ทานลำบาก และปิดท้ายเซ็ตความอร่อยนี้ด้วยยำขนมจีนใส่น้ำปลาร้า ที่มีปลาทูและหมูยอหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แบบลูกเต๋าให้ได้ทาน ซึ่งรสชาติแซ่บถูกใจ มีความกลมกล่อมหอมน้ำปลาร้าดีค่ะ

 

 

 

          สำหรับเมนูต่อมาก็เป็นเซ็ตเช่นเดียวกันภายใต้ชื่อเมนูที่มีว่า “ชุดกินด้วยกัน” อันประกอบไปด้วยหมูสามชั้นทอดกรอบ ปลาหมึกขมิ้น มันม่วงทอด ไส้กรอกอีสาน และน้ำซุปไก่ค่ะ เริ่มจากหมูสามชั้นทอดกรอบนั้นตัวหมูสามชั้นหั่นแบบพอดีคำ มีความกรอบเวลาทาน รสชาติเค็มนิดๆ อร่อยใช้ได้ค่ะ นอกจากนี้ก็ยังคลุกเคล้ามากับเครื่องต่างๆ อารมณ์คล้ายๆ กับคั่วพริกเกลือค่ะ ส่วนปลาหมึกขมิ้นเสิร์ฟมาคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสชาติเข้มข้น ตัวปลาหมึกเวลาทานสัมผัสได้ถึงความนุ่มไม่เหนียวและไม่คาว ทานแบบเปล่าๆ จะจืดหน่อยแต่ถ้าจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดได้รสชาติแซ่บจัดจ้านดีค่ะ ส่วนมันม่วงก็เป็นมันม่วงแท้หั่นแบบเป็นแท่งแล้วทอด มีความหวานธรรมชาติของมันม่วงและเค็มนิดจากเกลือ และไส้กรอกอีสานเสิร์ฟมาพร้อมกับผักเคียงต่างๆ เช่น ผักกาด แตงกวา และขิงสดแบบไลด์บางๆ รสชาติของไส้กรอกมีความเปรี้ยวนำ มีกลิ่นหอมของเครื่องเทศและเครื่องพริกแกงคล้ายๆ ไส้อั่วแบบเหนือ และมีน้ำซุปไก่ให้ยกซดเพื่อความคล่องคอหรือช่วยแก้เลี่ยนได้ดี

 

 

        และก่อนที่จะไปถึงเมนูจานหลักนั้นทางร้านก็มีเมนูล้างปากให้ได้ทานกันก่อนค่ะ อารมณ์คล้ายๆ ของหวาน ลักษณะเป็นเม็ดกลมขนาดพอดีคำสีใสๆ อมส้ม ซึ่งพนักงานเสิร์ฟบอกว่ามันคือเม็ดป็อบส้มยูสุ วิธีการทานนั้นให้ทานเป็นลูกไปเลยค่ะ รสชาติอารมณ์เหมือนกับเวลาทานปีโป้แต่นี่มาในลักษณะของน้ำแทนค่ะ และได้กลิ่นหอมของส้มทานแล้วสดชื่นดีค่ะ

 

 

          และแล้วก็มาถึงเมนูจากหลักที่เราสามารถเลือกได้นะคะว่าจะทานอะไรระหว่างกุ้งแคนาเดียนหรือเนื้อเซอร์ลอยด์ค่ะ โดยเมนูกุ้งแคนาเดียนล็อบสเตอร์นั้นจะเสิร์ฟมาให้ทานคู่กับน้ำซอสต้มยำ และเส้นข้าวซอย ซึ่งแปลกดีมีความครีเอทมากๆ เลยนะคะ โดยหากทานเฉพาะตัวกุ้งนั้นเนื้อมีความนุ่มดีไม่เหนียว และสดแต่แอบมีความคาวนิดๆ บริเวณมันกุ้ง แต่เมื่อได้ลองทานกับซอสต้มยำและเส้นข้าวซอยจะดับความคาวได้ดี ส่วนเส้นข้าวซอยเหนียวนุ่มดีค่ะให้ความรู้สึกเหมือนทานสปาเกตตีแต่อันนี้เป็นความอร่อยแบบไทยๆ ที่รสชาติเข้มข้นถูกปาก ส่วนเมนูเนื้อเซอร์ลอยด์เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำซอสกะเพราและข้าวสวยในถ้วยเล็กๆ น่ารักๆ มีผักเคียงตัดเลี่ยนเล็กน้อยและจัดตกแต่งให้ดูสวยงามด้วย นั่นก็คือหัวหอมและเบบี้แครอท ตัวเนื้อนุ่มมากไม่เหนียว เวลาทานแบบไม่ต้องจิ้มซอสก็อร่อยแต่พอได้ลองจิ้มซอสกะเพราที่เสิร์ฟมาคู่กันแล้วยิ่งอร่อยไปอีกแบบค่ะ

 

 

          เมื่อทานจานหลักไปแล้วต่อมาปิดท้ายด้วยเมนูของหวานที่ดูเหมือนธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาก็คือ วุ้นอัญชันค่ะ แต่รูปร่างหน้าตาของวุ้นคล้ายๆ กับจิ๊กซอว์ มีสีสันสวยงาม ทานคู่กับน้ำแข็งและราดด้วยน้ำผึ้ง โดยความพิเศษอยู่ตรงน้ำแข็งด้วยค่ะ เพราะไม่ใช่น้ำแข็งธรรมดาแต่รสชาติเหมือนเรากำลังทานน้ำผึ้งมะนาวเย็นๆ อยู่อร่อยดีค่ะ เสียดายถ้วยเล็กไปหน่อยถ้าเยอะกว่านี้จะถูกใจมาก ส่วนตัววุ้นไม่หวานมากค่ะมีความหอมอัญชันอยู่ในตัว นอกจากนี้เมนูของหวานก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้ยังมีทยอยมาเสิร์ฟอีกได้แก่ เมนูไข่เต๋าของไทยที่เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสครีมสีส้มเพื่อเพิ่มความหอมหวานเวลาทาน ถือว่าอร่อยดีค่ะ ถ้าทานเฉพาะไข่เต๋าก็รู้สึกเฉยๆ แต่พอทานกับซอสรสชาติดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีน้ำชาให้ด้วย ซึ่งการได้จิบน้ำชาขิงหอมๆรสชาติไม่จัดมากก็ช่วยให้คล่องคอและแก้เลี่ยนด้วยค่ะ ต่อมาเมนูของหวานปิดท้ายก็จะเป็นชีสเค้กบลูเบอรี่และช็อกโกแลตรูปหัวใจน่ารักๆ ให้เข้ากับธีมวันวาเลนไทน์ซึ่งน่าจะถูกใจคู่รักได้เป็นอย่างดี สำหรับรสชาติตัวช็อกโกแลตค่อนข้างหวานไปหน่อยนะคะ ส่วนชีสเค้กบลูเบอรีหอมหวานรสชาติเปรี้ยวนำไปนิดค่ะ

 

 

 

          จบลงไปแล้วสำหรับการรีวิวความอร่อยของแต่ละเมนูที่ทางร้านได้รังสรรค์ให้เราได้ทานกันนะคะ ความพิเศษมันไม่ได้มีแค่เรื่องรสชาติความอร่อยของอาหารเพียงเท่านั้นถูกไหมคะ เพราะระหว่างที่เราได้ละเมียดมะไมชิมและทานอาหารแต่ละเมนูนั้นเราก็ได้ฟังเพลงเพราะๆ จากทางศิลปินคนโปรด ที่สำคัญนักร้องก็เป็นกันเองมากทำให้เราได้ใกล้ชิดแบบสุดๆ เพราะตัวศิลปินเองได้ลงมาร้องเพลงแบบติดขอบโต๊ะ เรียกได้ว่ากระทบไหล่แบบของจริง และการจำกัดโต๊ะในการจองทำให้คนไม่เยอะมาก เลยรู้สึกส่วนตัวและเป็นกันเองแบบสุดๆ ค่ะ ที่สำคัญหลังจบการแสดงแล้วทางร้านและตัวศิลปินเองยังใจดีให้เราได้ถ่ายรูปคู่ด้วยนะคะ เรียกว่าเอ็กคูลซีฟสุดๆ เลยค่ะ

          เป็นอย่างไรกันบ้างคะดีงามมากๆ เลยใช่ไหมล่ะ ใครที่อยากจะเซอร์ไพรส์แฟนให้ได้มีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันหรือมีโมเมนต์ที่น่าจดจำแบบนี้ จะชวนเพื่อนสนิทหรือมาเป็นกลุ่มแก๊งก็ถือว่าควรค่าต่อการได้ลองมาสัมผัสนะคะ เพราะเป็นอะไรที่เอ็กคูลซีฟจริงๆ ซึ่งต้องคอยติดตามดีๆ นะคะว่าทางร้านจะจัดอีเวนท์น่ารักๆ แบบนี้อีกเมื่อไหร่ หรือจะลองมาทานอาหารไทยฟิวชั่นเก๋ไก๋แบบนี้ภายใต้บรรยากาศแสนอบอุ่นแบบน่ารักๆ เรียบหรู แต่เป็นกันเองเหมือนครอบครัวก็ลองมาได้นะคะ ที่สำคัญร้านอาหารหาง่ายการเดินทางสะดวกมากๆ และไว้คราวหน้าหากมีอีเว้นท์ดีๆ แบบนี้อีกหรือทางร้าน KinLenn’s eatery & play จะจัดอีกเมื่อไหร่ Ryoii จะรีบมาบอกให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันอย่างแน่นอนค่ะ


TOP