ดาลัด (Da Lat) “สวิตเซอร์แลนด์แห่งเวียดนาม” ปล่อยใจล่องลอยตามไปกับสวนดอกไม้ไฮเดรนเยีย! มันส์ไปกับโลเลอร์โคสเตอร์ชมน้ำตกดาตันลา พร้อมชมพระราชวังฤดูร้อน อิ่มบุญอิ่มใจกับวัดตั๊กลัมและวัดหลิงเฝือก

          ขออนุญาตสวัสดีคนอ่านเป็นภาษาเวียดนามด้วยคำว่า “ซินจ่าว” ได้เวลาตามหาหัวใจอีกครึ่งดวง ซึ่งครึ่งดวงจะอยู่ที่ไทย ส่วนอีกครึ่งอยู่ที่ใครเอ้ย! อยู่ที่ไหนน๊า...อยู่ที่ “เวียดนามใต้” หรือเปล่าน๊อ... เหมือนว่าหัวใจตอนนี้ได้ทำตกหล่นไว้ที่ “ดาลัด” (Dalut) เข้าให้แล้ว เมืองที่เค้าร่ำลือถึงความโรแมนติก แถมบรรยากาศโอบล้อมด้วยทัศนียภาพงดงามของขุนเขาและแมกไม้นานาพันธุ์ มาแล้วจะได้ฟินกับอากาศของเมืองดาลัดที่มีอุณหูมิต่ำสุด 15 องศา สูงสุด 25 องศาตลอดทั้งปีค่ะ

 

SPONSORED

 

 

          นอกจากจะได้เพลิดเพลินกับ “สวนดอกไม้ไฮเดรนเยีย” อันบานสะพรั่ง ก็ยังได้มาตื่นเต้นเบาๆ กับกิจกรรม ”โลเลอร์โคสเตอร์ชมน้ำตกดาตันลา” อันนี้น่าจะถูกใจคนชอบความหวาดเสียวน่าดู แต่รับประกันความปลอดภัยและไม่หวาดเสียวจนเกินไปนะคะ ตกดึกก็แวะเดินช้อป “ตลาดไนท์มาร์เก็ต” วันต่อมาถึงเวลาเข้ามาชม “พระราชวังฤดูร้อน” และมุ่งหน้าไปที่ “สถานีรถไฟเก่าแห่งเมืองดาลัด” ซึ่งเป็นอีกแห่งที่ผู้คนนิยมมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งคะ และยังได้อิ่มบุญกับ 2 วัด คือ “วัดตั๊กลัม” ที่เราจะได้นั่งกระเช้าไฟฟ้าเพื่อเข้าชมวัดค่ะ ส่วน “วัดหลิงเฝือก” ถือเป็นสถาปัตยกรรมโมเสกที่พิเศษแห่งเมืองดาลัดค่ะ บอกเลยว่า 3 วัน 2 คืนที่ได้มาเมืองดาลัดช่วงต้นเดือนธันวาคม 2561 ช่วงที่อากาศเริ่มฟินๆ จะขอใช้ทุกวินาทีอย่างมีความหมายให้คุ้มค่ามากที่สุดเลยค่ะ

ได้เวลาลงเครื่องที่ท่าอากาศยาน LIEN KHUONG

          ถึงเวียดนามสักทีหลังจากที่นั่งเครื่องมาเกือบ 2 ชั่วโมง ถึงช่วงเวลาประมาณ 14.30 น. จากที่คิดว่าหนาวก็ยังไม่หนาวเท่าไรค่ะเพราะยังมีแดดอยู่ ก่อนจะผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองในใจขอยอมรับว่าห่วงเรื่องการเล่นอินเตอร์เน็ต ชอบคิดว่าซิมเวียดนามที่ซื้อมาจะเล่นได้ไหมนะ พอเห็นสัญญาณขึ้นปุ๊บปรากฎว่าเล่นได้ปกติเลยโล่งใจขึ้นมาทันที พอเรื่องต่ออินเตอร์เน็ตเรียบร้อยก็พร้อมลุยกิจกรรมทุกรูปแบบแล้วค่า

 


รู้สึกตื่นเต้นมากกับการได้มาเวียดนามใต้ครั้งแรก

แวะเติมพลังมื้อแรกของทริป “ร้านอาหาร Nhà Hàng DATANLA”

          เมืองดาลัดเมืองเล็กๆ อากาศดีและเป็นเมืองที่นิยมปลูกชามาก มาร้านอาหารเมืองนี้จะเน้นเสิร์ฟน้ำชาก่อนเป็นอันดับแรก (คล้ายๆ กับบ้านเราที่เสิร์ฟน้ำเปล่าฟรี) จุดเด่นน้ำชาจะมีความหอม ไม่ขมไม่จืด ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นมีพลังเที่ยวแบบยาวๆ เลยค่ะ

          เมนูที่ทานใน “ร้านอาหาร Nhà Hàng DATANLA” จะมีกุ้งภูเขา ไก่ต้มน้ำปลา หมูกระทะ ปลาทับทิมราดน้ำยำ หมูป่า ไข่เจียว และน้ำพริกกลางดงค่ะ


ร้านอาหาร Nhà Hàng DATANLA

 

 


“น้ำชา” แก้วใหญ่รสชาติดีทีเดียว ติดใจในความหอมของชาเลยค่ะ

 


“หมูกระทะ” บ้านเค้าเนื้อหมูจะหั่นชิ้นค่อนข้างหนากว่าบ้านเราค่ะ

 


ไม่นานเดี๋ยวก็สุก

 


ไก่ต้มน้ำปลา

 


“ไข่เจียว” เมนูที่บ้านเราคุ้นเคยไม่แพ้บ้านเค้าเลยค่ะ

 


กุ้งภูเขาสีสันจัดจ้าน

 


หมูป่า

 


“น้ำพริกกลางดง” ดีใจเหลือเกินที่มีเมนูนี้! รสชาติเหมือนได้ทานอาหารไทยสุดๆ


อิ่มท้องอิ่มใจแล้วไปซิ่งกับ “โลเลอร์โคสเตอร์” ชมน้ำตกดาตันลา (DATANLA)

          ประมาณ 16.00 น. ก็จะเริ่มอากาศหนาวๆ เย็นๆ แล้ว อากาศแบบนี้เหมาะกับการเล่นกิจกรรมที่โดนใจสไตล์วัยมันส์ๆ อย่าง “โลเลอร์โคสเตอร์” ซึ่งรถรางสามารถนั่งได้คันละ 1-2 ท่านเท่านั้นค่ะ ส่วนสายเซลฟี่ทั้งหลายขณะที่คุณกำลังโลดแล่นกับรถ “โลเลอร์โคสเตอร์” ห้ามยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอัดคลิปหรือถ่ายรูปเชียวนะคะ ถ้าหล่นไปเนี่ย...อีก 2 วันที่เหลือไม่มีใช้งานเศร้าตลอดทริปไม่รู้ด้วยน๊า

          งานนี้คนเขียนขอคอนโทรลการขับ-การเบรค เลยเสียสละอยู่ข้างหลังเอง อิอิ ยิ่งตอนเลี้ยวโค้งแบบเอนเยอะๆ คือสะใจชุดใหญ่มากๆ อยากหยุดเวลาไว้อยู่ตรงนี้เลย อ่อๆ แต่คนข้างหน้าก็ต้องช่วยดูด้วยนะคะว่ารถเราจะชนคันหน้าหรือเปล่าเพื่อความปลอดภัยค่ะ
          ส่วนตัวรู้สึกว่าหวาดเสียวเฉพาะตอนเราเอนข้างค่ะ แต่ระหว่างทางเราได้ชมวิวเพลินๆ การแว๊นแบบไม่เร็วจนเกินไปจะทำให้เรามีเวลาจดจำความประทับใจกับวิวในมุมกว้างนานๆ ทั้งได้ชมน้ำตก ผ่านหุบเขา และป้าไม้อันเขียวขจี

 


 เย้ๆ รถมาแล้ว จับจองที่นั่งตามใจชอบ ชอบขับต้อง “ซ้อนท้ายด้านหลัง” แต่ถ้าสายชอบชมวิว “นั่งหน้า” เลยจ้า

 


ได้เวลาประจำที่

 


หลังจากเมามันส์กับการซิ่งรถราง จิตใจที่อ้างว้างก็กลับมาสดใสเมื่อได้เห็นน้ำตกดาตันลา

 


ได้มาแล้วน้ำตกดาตันลา (DATANLA) จ๋าาาา ถึงจะเป็นน้ำตกที่ไม่ใหญ่มากแต่ก็สวยงามน่ามองทำให้สนุกกับการเก็บภาพความประทับใจ

 


อากาศดีจนอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้นานๆ

เตรียมเพี้ยน! กันที่ CRAZY HOUSE (บ้านเพี้ยน)

          CRAZY HOUSE หรือบ้านเพี้ยน หน้าตาออกจะแปลกประหลาดไปบ้าง แต่ใจกลับรู้สึกว่าที่นี่ดูสวยมากกว่าคำว่าประหลาดนะคะ แต่แปลกๆ แบบนี้แหละทำให้กดชัตเตอร์รัวๆ แบบไม่หยุดเชียวนะคะ อย่างด้านในก็จะทำเป็นเวทีมีปลาหมึกยักษ์อยู่ด้านหลัง รอบๆ บริเวณจะมีเปลือกหอย ปะการัง ด้านนอกตอนกลางคืนจะเริ่มเปิดไฟสีม่วงดูสวยแปลกตาไปอีกแบบค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ร้านอาหาร Léguda Buffet Rau Đà Lạt

          หิวมากๆ แล้วค่ะตอนนี้ ขอเติมพลังพุงน้อยกันที่ร้าน Léguda Buffet Rau Đà Lạt เป็นร้านสไตล์บุฟเฟ่ต์ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นบุฟเฟ่ต์หมู เนื้อ ซีฟู้ด ชีสไม่อั้นที่กำลังฮิตในบ้านเราขณะนี้ เพราะเวียดนามใครก็รู้ว่าเป็นประเทศที่นิยมทานผัก ใช่แล้วค่ะมื้อนี้เป็นบุฟเฟ่ต์ผัก+น้ำจิ้ม ทุกมื้อมีแต่ผักขนาดนี้บอกเลยกลับไปต้องหุ่นแซ่บกว่าเดิมให้ได้ อิอิ

 


เกิดมาเพิ่งจะเคยรู้ว่าประเทศเวียดนามใส่ใจเรื่องน้ำจิ้มจนเกิดเป็นร้านนี้ขึ้นมา

 

 

 


บอกได้คำเดียวว่างานนี้ตักน้ำจิ้มมาแบบมั่วๆ ถ้วยนี้จะมีถั่วส่วนน้ำจิ้มที่เลือกรสชาติจะเผ็ดแซ่บคล้ายๆ พริกเผาในซองมาม่าบ้านเราค่ะ ทานและอร่อยกรุบกรอบแซ่บๆ ทานคนเดียวเกลี้ยงถ้วยเลย

 


 อารมณ์คล้ายทานหมี่ซั่วค่ะ

 

 


ซุปสีเหลืองจะออกแนวเข้มข้นมีกลิ่นถั่วเบาๆ ส่วนซุปสีดำจะเป็นซุปกึ่งใสกึ่งต้มยำค่ะ รสชาติซุปจะไม่ได้จัดจ้านแบบบ้านเรา

 

 


ปลาราดซอส ซอสชุ่มฉ่ำมากคร่า

 


น้ำแข็งใหญ่โตมหาฬาร คีบทีเดียวจบค่ะ ไม่ต้องเสียเวลาคีบหลายก้อน เราต้องเดินไปตักน้ำ+น้ำแข็งเองนะคะ

 

ตลาดกลางคืน NIGHT MARKET เมืองดาลัด

          กินผักจนร่างกายแข็งแรงพร้อมลุยเดินละลายทรัพย์แล้วล่ะค่ะ จะข้ามถนนก็อย่าลืมมองซ้ายมองขวากันให้ดีนะคะ เพราะที่นี่มอเตอร์ไซค์ดูขับซิ่งขับไวมากันแบบกองทัพมดแดง จนเวลาข้ามถนนต้องเพิ่มความระมัดระวังรถมากถึงมากที่สุดค่ะ

          ตลาดกลางคืน NIGHT MARKET เมืองดาลัด ที่นี่ของขายจะไม่ได้เยอะเท่าตลาดนัดกลางคืนบ้านเรานะคะ ส่วนมากเค้าเน้นขายเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ ของฝากที่ระลึก มีร้านน้ำเต้าหู้ที่มีเก้าอี้ตัวน้อยให้นั่งทานที่ร้านได้เลยค่ะ อยากได้อะไรถามราคากันก่อนนะคะโดยใช้คำว่า “บาวเยียว” แปลว่า ราคาเท่าไร

          ส่วนเงินดองเวียดนามที่แลกมาวันนี้ราคาตอนแลก 1 บาท = 700 ดองเวียดนาม ฉะนั้นถ้าคนเขียนอยากซื้ออะไร จะชอบเอาราคาดองเวียดนามหาร 700 ทุกครั้ง จะได้รู้ว่าของที่ซื้อหากเป็นเงินไทยจะหมดไปประมาณกี่บาทค่ะ

 


ทางเข้าตลาดค่ะ

 


หน้าตาคล้ายหม่าล่าเลย (อันนี้เดินผ่านเฉยๆ ไม่ได้ลองทานนะคะ)

 


เริ่มหนาวๆ เรามาหาของร้อนๆ อย่าง “น้ำเต้าหู้” ราคา (10,000 ดองเวียดนาม เป็นเงินไทยประมาณ 14 บาท) 

 


จะบอกว่าขอหวานน้อยก็พูดไม่เป็น พอดื่มทีเดียวรู้เลยว่าหวานใช้ได้ค่ะ

 


ไม่ได้มานั่ง แค่มาวางแก้วแป๊บเดียวเดี๋ยวเดินต่อค่ะ

 


มันเผาร้านข้างๆ ลูกใหญ่ดีจังค่ะ

          ขาช้อปสำคัญมาก! ต้องพกเครื่องคิดเลขหรือมือถือให้ทางร้านกดราคาเลยยิ่งดีค่ะ เพราะบางร้าน บางสินค้าอาจไม่มีราคาบอกไว้ เราจะได้ทราบราคาที่แน่ชัดเลย หากต้องการต่อรองราคาต้องพวกกับคนขายว่า “เบิดเบิด” (ให้คิดถึงพี่เบิร์ด ธงไชย เข้าไว้ค่ะ) แล้วให้คนขายกดราคาที่ลดราคาใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าร้านไหนเค้าไม่ลดให้เราเค้าจะตอบกลับมาว่า “No เบิด” ก็อย่าเสียใจไปนะคะ เราก็ไป “เบิดเบิด” ร้านอื่นต่อ สู้ๆ ค่ะสายช้อป


อาหารเช้าที่โรงแรม La Sapinette

          ตื่นปุ๊บก็หิวปั๊บค่ะ! โอม...จงลงไปห้องอาหาร ณ บัดนาว เจอผักแน่ๆ เรารู้นะว่าผักรอเราอยู่...เชื่อพี่ พี่เจอมาหลายมื้อแล้ว...


ถึงห้องอาหารแล้วค่ะ

 


มะเขือเทศก็มา ผิวสวยแน่งานนี้

 


คล้ายข้าวผัดค่ะ หย่อยๆ งั่มๆๆ

 


ไส้กรอกและเบคอนชิ้นใหญ่สมกับความหิวในตอนนี้ค่ะ

 


Tempura ข้างในจะมีไส้คล้ายๆ ถั่วละเอียด ด้านนอกกรอบๆ กำลังจินตนาการว่าได้ทานปาท่องโก๋แบบมีไส้ค่ะ

 


Fresh Rice Cake เหมือนได้ทานก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ค่ะ

 

 


กองทัพมดแดงตอนเช้าเลยยังดูไม่แออัดเท่าไรค่ะ อีกสักพักน่าจะเจอเสียงบีบแตร เสียงบิดมอเตอร์ไซค์มาแบบรัวๆ

 

สวนดอกไม้ไฮเดรนเยีย มนต์เสน่ห์ดอกไม้งาม

          อิ่มกับอาหารเช้าแล้วงั้นไปตามหาความโรแมนติกต่อ...ไม่รอแล้วนะ!!! เหมือนทำใจหล่นไว้ที่สวนดอกไม้ไฮเดรนเยียแน่ๆ ไฮเดรนเยียจ๋า...พี่จะไปหาแล้วนะ รอเค้าด้วยน๊าาาาาาาาาาาา อยากสูดอากาศ อยากกอดเบาๆ ทั้งสวนเลยจริงๆ

 


ทางเดินขึ้น-ลง ค่ะ ด้านล่างสวนกว้างกว่าด้านบน ฉะนั้นเราต้องไปเล็งมุมข้างล่างกัน

 


ข้างบนมีคนกำลังมาถ่ายพรีเวดดิ้งพอดีเลย

 

 

 

 

 

 


ถ้าเจอแบบนี้ทุกวัน ก็ฟินทุกวันเลยสิคะ

 


บันไดเอาไว้สำหรับคนถ่ายหรือช่างภาพขึ้นไปถ่ายค่ะ แต่ขอเนียนขึ้นไปถ่ายรูปเล่นสักนิดนะคะ

          สวนดอกไฮเดรนเยียใครมาแล้วจะหลงไปกับความงาม ทั้งสีสันชวนฝันบานสะพรั่งทั่วกระจายทั้งสวน ที่แห่งนี้ถือว่ามัดใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก หลายคนมาเมืองดาลัดก็เพราะสวนไฮเดรนเยียนี่แหละค่ะ และพื้นที่แห่งนี้ถือว่าคนให้ความนิยมเข้ามาถ่ายพรีเวดดิ้ง ก็สถานที่สวยดูโรแมนติกสุดๆ ใครๆ ก็อยากมาเก็บภาพในวันสำคัญของตัวเองจริงไหมคะ

 

วัดหลิงเฝือก

          ถึงเวลาทำบุญกันที่วัดหลิงเฝือก หรือ เจดีย์ Long Phoc Lat จุดเด่นคือจะมีมังกรที่มีขนาดยาว 49 ม. ถูกสร้างขึ้นจากขวดเบียร์ 12,000 ขวดค่ะ

 


 มังกรขนาดยาว 49 ม.

 

 


ใกล้วัดก็จะมีแปลงผักงามๆ ค่ะ

 


ออกมาจากวัดเจอร้านขายของชำก็เลยมามองๆ ของกิน เจอตู้ไอศกรีมก็เลือกแบบมั่วๆ เลยค่ะ

 


  ราคา 20,000 ดองเวียดนาม เงินไทยประมาณ 28-29 บาทค่ะรสชาติกาแฟแต่ในส่วนขนมปังกรอบน้อยไปนิดนึงนะคะ โดยรวมอร่อยทานแล้วเย็นสดชื่น เย็นสู้อากาศเมืองดาลัดไปเลย

 

พระราชวังฤดูร้อน

          เมื่อเข้าวัดเข้าวากันแล้วได้เวลาที่เราจะเดินทางไปยังพระราชวังฤดูร้อน การเข้าชมภายในอาคารเค้าจะมีผ้าคลุมรองเท้าให้เราสวมก่อนเข้าค่ะ โดยไม่ต้องถอดรองเท้าค่ะสวมไปได้เลย  


ถึงแล้วค่ะพระราชวังฤดูร้อน

 

 


ห้องทำงานของจักรพรรดิบ๋าว ดั่ยสมัยก่อน

 

 


ประเทศเวียดนามมีลักษณะรูปร่างเป็นตัว S

 


WC สัญลักษณ์ของทางจะไปห้องน้ำค่ะ

 


ภาพจักรพรรดิบ๋าว ดั่ย ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของเวียดนามค่ะ

 

ร้านอาหาร Nha toi dalat

          Nha toi dalat ร้านนี้เราเรียกกันเล่นๆ ว่า “ร้านน้าต๋อย” เพื่อจำง่ายๆ อิอิ ทุกร้านที่เราทานจะไม่พ้นสไตล์หม้อไฟ ผักแล้วก็ผักค่ะ


ยำมะละกอ เปรี้ยวนิดๆ ไม่เผ็ดค่ะ

 


อยากเป็นไข่เจียวเหลือเกิน คนใดที่ถูกเจียวก็จะเป็นคนเดียวที่ถูกใจ

 

 


น้ำสลัดจะมีความเค็มอยู่บ้าง เหมาะกับคนติดรสชาติเค็มค่ะ ส่วนผักสดกรอบหนูช๊อบชอบ

 

นั่งกระเช้าไฟฟ้าและออกตามหาความสงบที่ “วัดตั๊กลัม”

          และแล้ว...ก็ใกล้เวลานั่งกระเช้าไฟฟ้าเพื่อเข้าชม “วัดตั๊กลัม” ก่อนขึ้นกระเช้าแถวนี้จะมีเบาะนวดบริการด้วยค่ะ (ราคา 10,000 ดองเวียดนาม เป็นเงินไทยประมาณ 14 บาท) จะนวดได้ 6 นาที ลองแล้วติดใจเลย คลายเส้นไปได้เยอะ นวดเสร็จต่อด้วยการเติมคาเฟอีนสักแก้วดีกว่า เห็นเค้าซื้อเลยซื้อบ้างเลยสั่งเครื่องดื่มสุดโปรดอย่าง “เอสเปรสโซเย็น” (ราคาแก้วละ 32,000 ดองเวียดนาม เป็นเงินไทยประมาณ 45 บาท) สดชื่นด้วยกาแฟกันแล้วจากนั้นเตรียมต่อคิวขึ้นกระเช้ากันเลย…


ราคาแก้วละ 32,000 ดองเวียดนาม เป็นเงินไทยประมาณ 45 บาท

 

          นั่งกระเช้าที่ผ่านเมืองดาลัดไปอย่างช้าๆ ได้ชมวิวจากที่สูงสบายตาสุดๆ นั่งคุยกันเพลินๆ เดี๋ยวเดียวก็ถึง “วัดตั๊กลัม” เป็นวัดพุทธในนิกายเซนแบบญี่ปุ่น ด้านหลังวัดยังมีศาลาพระแก้วมรกตองค์จำลองที่มาจากประเทศไทยมาประดิษฐาน ณ วัดตั๊กลัมค่ะ

 

 


สุภาพสตรีที่ใส่ขาสั้นทางวัดจะมีผ้าคลุมไว้ให้ค่ะ

 

 

 


นำบุญมาฝากชาว Ryoii ทุกคนค่า

 

สถานีรถไฟเก่า

          สำหรับที่นี่จะไม่ได้ถูกใช้งานจริงแล้วค่ะ มีไว้เพื่อเป็นที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ปัจจุบันชาวเวียดนามจะนิยมเลือกมาถ่ายพรีเวดดิ้งที่นี่กันค่ะ มาแล้วติดใจกับการปีนป่ายบนรถไฟมากๆ แถมรางรถไฟชวนโพสท่าจะนั่งจะยืนบนรางก็ไม่มีเบื่อ


ตัวอาคารถูกออกแบบสถาปัตยกรรมยุคโคโลเนียลสไตล์กึ่งฝรั่งเศส

 


เจอร้านรับวาดรูปค่า



แอบเหล่เลย์บ้านเค้าเพราะความหิว แต่ตอนนี้ห่วงถ่ายรูปมากกว่าห่วงกินคร่า

 

 

 


รักรถไฟและไอแดดดาลัดเหลือเกิน

 


รถไฟมันมีหลายราง.. แต่ถ้ามีเธอข้างๆ ไม่มีทางหลายใจ​

 

DALAT FLOWER GARDENS (สวนดอกไม้เมืองหนาว)

          หลังจากที่เพลินไปกันดอกไฮเดรนเยียกันเมื่อเช้า ตกเย็นเรามาจบกับที่สวยงามกับดอกไม้อีกคือที่ DALAT FLOWER GARDENS เราจะได้เห็นพรรณไม้ของดาลัดมากมายทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ต้น และกล้วยไม้ คนรักดอกไม้บอกมาดาลัดจะต้องฟินกระจาย


 

 

 

 

 

 

 

 


ร้านของที่ระลึกในวันนี้หลักๆ เค้าก็จะขายกาแฟ เยลลี่ ขนมต่างๆ เหมาะกับซื้อฝากไปเป็นที่ระลึกค่ะ

 

 

 

 

“ฟาร์มเลี้ยงชะมด” ในวันสุดท้ายที่จะต้องจากดาลัด

          พอถึงวันสุดท้ายรู้สึกใจหายจัง บางอารมณ์ก็คิดถึงไทยแล้ว บางเวลาก็ยังอยากอยู่ที่นี่ต่อ งั้นเรามาเที่ยวที่สุดท้ายกันดีกว่านั่นก็คือ “ฟาร์มเลี้ยงชะมด” ได้เจอชะมดตัวเป็นๆ แล้ว น่ารักน่าเลิฟจังหน้าตาน้องเค้าดูตะมุตะมิดีนะคะ

 


น้องชะมดกำลังนอนได้น่ารักเลย

 


ชะมดตัวใหญ่คือพันธุ์ชะมดหมี กำลังกอดกันกลมดิ๊กเลยน่าเอ็นดูมาก

 


หน้าตาของต้นกาแฟ ลูกสีแดงเราสามารถเด็ดมาทานได้เลยค่ะ ลองชิม 1 ลูก รสชาติหวานๆ ดีค่ะ

 


มาฟาร์มชะมดก็ยังมีดอกไฮเดรนเยียให้มองอย่างชื่นใจ

 


กาแฟชะมดราคาแก้วละ 60,000 ดองเวียดนาม เป็นเงินไทยประมาณ 85-86 บาท


ได้เวลากลับบ้านเรารักรออยู่...

          หลังจากที่พาหัวใจลัดฟ้ามาสู่เวียดนาม ก็ใกล้เวลากลับสู่ถิ่นฐานเมืองไทยบ้านเรา กลับมาอีกครั้งที่สนามบิน LIEN KHUONG เพื่อกลับกรุงเทพฯ ค่ะ ช่วงเวลาที่รอขึ้นเครื่องก็จะหมดไปกับเรื่องกินเรื่องช้อปเพื่อเราจะได้ไม่เหลือเงินกลับไปแลกเยอะจนเกินไป แลกมาแล้วต้องใช้เงินให้เป็นค่ะ


ข้าวไก่ทอด 78,000 ดองเวียดนาม เป็นเงินไทยประมาณ 111 บาท

 


เป๊ปซี่ประป๋องละ 25,000 บาท เป็นเงินไทยประมาณ 35-36 บาท

 


ขนมราคา 54,000 ดองเวียดนาม เป็นเงินไทยประมาณ 77 บาท

 


เงินที่เหลือ 300,000 ดองเวียดนาม เพราะแบงค์ 1,000 ดองเราแลกคืนไม่ได้ (แลกได้เฉพาะแบงค์ 10,000 ดองขึ้นไป) จึงนำไปหยอดตู้ทำบุญค่ะ 

          สำหรับ 3 วัน 2 คืนที่ได้รู้จัก “เมืองดาลัด” ก็รู้สึกว่ารักเวียดนามมากขึ้น แม้ว่าจะเจอรสชาติอาหารที่บางเมนูยังไม่ชินเท่าไร บางเมนูก็เผ็ดน้อยไป ผักเยอะไป ถ้าพูดถึงความอร่อยก็ขอยกใจให้พี่ไทยค่ะ แต่ถ้าพูดถึงประโยชน์อาหารบ้านเค้าบอกเลยว่าดีต่อใจ มิน่าล่ะสาวๆ ประเทศบ้านเค้าถึงรูปร่างดี ผิวพรรณงามและดูมีเลือดฝาด 55++ ส่วนอากาศที่ดาลัด 15-25 องศา บอกเลยว่าตรงใจเป็นที่สุด เป็นอากาศที่เย็นสบายได้สูดอากาศบริสุทธิ์ อยู่เมืองดาลัดแทบจะไม่ต้องง้อเครื่องปรับอากาศเลยค่ะ อยากให้เมืองไทยมีอากาศแบบดาลัดบ้างจัง ส่วนเรื่องการซื้อของอย่างที่บอกค่ะว่าต้องพกเครื่องคิดเลขไปด้วย เพราะบางทีเราก็ยังไม่แข็งแรงภาษาบ้านเค้า

          ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตก็ต้องยกให้สวนดอกไม้ไฮเดรนเยีย สมกับเป็นเมืองแห่งดอกไม้จริงๆ แนะนำให้สาวๆ แต่งชุดหวานๆ มาถ่ายรูปนะคะ จะได้มีภาพสวยๆ กลับไปแบบจุใจ

         ความประทับใจส่วนตัวคือรถรางโลเลอร์โคสเตอร์ ยิ่งได้เป็นคนขับด้วยนี่แบบคอนโทรลคันโยกมันส์สุดเหวี่ยง ทั้งเบรคทั้งเร่งไปข้างหน้าสนุกตามใจต้องการเล่นไม่ยากด้วยค่ะ และก็ชอบสถานีรถไฟเก่าเพราะชอบปีนป่ายและหลงใหลในความเก่าคลาสสิกของรถไฟ  


คิดถึงเธอนะ...ดาลัด รักนะ...เวียดนาม บ๊ายบาย...

          ใครยังไม่เคยมาประเทศเวียดนามและสนใจเมืองดาลัดอยากให้ลองมาดูสักครั้ง เมืองดาลัดเมืองน่ารักและจะรักตลอดไปค่ะ หากมีโอกาสจะต้องไปเที่ยวเมืองอื่นของเวียดนามอีกให้ได้ ครั้งนี้จะขอเก็บเธอในใจฉันตลอดไป...ดาลัดheart

 







TOP