รีวิว The Sea 345 ร้านอาหารทะเล-อีสานสไตล์ครอบครัว บรรยากาศดีใกล้กรุงเทพฯ @นนทบุรี
หากใครกำลังมองหาร้านอาหารไว้สำหรับทานมื้อพิเศษกับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน ต้องไม่พลาดกับร้าน The Sea 345 ย่านนนทบุรีร้านนี้เลยค่ะ เพราะเมนูของทางร้านนั้นมีให้เลือกทานทั้งอาหารทะเลสดๆ หลากชนิด หรือเมนูน้องใหม่อย่างอาหารอีสาน อีกทั้งยังพร้อมด้วยบรรยากาศที่ชวนผ่อนคลายกับวิวธรรมชาติและบรรยากาศของความสนุกสนานในยามค่ำคืน โดยทางร้านนั้นพร้อมบริการตลอดวันตั้งแต่ 11.00-00.00 น.
The Sea 345 ร้านอาหารทะเล-อีสานสไตล์ครอบครัว บรรยากาศดีใกล้กรุงเทพฯ @นนทบุรี
การเดินทาง
ร้าน The Sea 345 ตั้งอยู่บนถนนทางหลวงแผ่นดิน 345 หรือถนนสะพานนนทบุรี-บางบัวทอง ถ้าหากเดินทางมาจากกทม. สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง เส้นทางแรกคือ ให้ขับมาจากถนนราชพฤกษ์ โดยขับรถชิดขวาเพื่อใช้ทางหลวง 345 และกลับรถใต้สะพานนนทบุรี จากนั้นขับตรงไปอีกประมาณ 700 เมตร ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ
เส้นทางที่สองคือ ใช้ทางพิเศษศรีรัช จากนั้นใช้ช่องทางซ้ายเพื่อเข้าสู่ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (ทางพิเศษอุดรรัถยา) และใช้ช่องทางซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนศรีสมาน ขับไปจนถึงถนนสะพานนนทบุรี-บางบัวทอง จากนั้นข้ามสะพานนนทบุรี และขับตรงไปประมาณ 700 เมตร ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ เมื่อถึงร้านแล้วลูกค้าสามารถจอดรถได้ที่ลานจอดรถด้านหน้าร้านและด้านหลังร้าน โดยที่จอดรถของร้าน The Sea 345 รองรับได้ถึง 200 คันค่ะ
SPONSORED
บรรยากาศภายในร้าน
ทางร้านตกแต่งด้วยสไตล์ลอฟต์ ปูนเปลือย แต่ยังคงมีการประดับตกแต่งที่ผนังบางส่วนด้วยภาพกราฟฟิตี้ในคอนเซ็ปต์ท้องทะเล ที่มาพร้อมสัตว์ทะเลต่างๆ และใช้โทนสีน้ำตาลควบคู่กับการประดับด้วยต้นไม้ พร้อมยกเพดานสูงให้เห็นทัศนียภาพด้านนอก
โดยพื้นที่ของร้านแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ที่นั่งด้านนอก ที่นั่งในห้องปรับอากาศ และห้องคาราโอเกะ ในส่วนของที่นั่งด้านนอกจะเปิดโล่งให้ลูกค้าได้เห็นวิวทุ่งนา ในโซนนี้หากใครมาทานอาหารยามค่ำคืนจะได้บรรยากาศที่สนุกสนานมากขึ้น เพราะจะเป็นโซนที่มีบาร์น้ำและใกล้เวทีดนตรีสดของทางร้านมากที่สุด โดยดนตรีสดของทางร้านจะเริ่มตั้งแต่ 19.30-21.00 น. และจะผลัดเปลี่ยนวงดนตรีไม่ซ้ำกันแต่ละในวันค่ะ
SPONSORED
ส่วนถัดมาคือห้องปรับอากาศ จะเป็นห้องกระจกเปิดโล่งและมีภาพกราฟฟิตี้ตกแต่งผนังโดดเด่นเช่นเดียวกับด้านนอก ทั้งห้องสามารถรองรับได้ขั้นต่ำ 60 คน ในโซนนี้หากใครต้องการมาทานมื้อค่ำกับครอบครัว แนะนำให้จองกับทางร้านก่อน เพราะเป็นโซนยอดนิยมสำหรับลูกค้าเลยค่ะ
ส่วนสุดท้ายคือห้องคาราโอเกะ ในส่วนนี้เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการมาสังสรรค์โดยเฉพาะ เนื่องจากทางร้านมีห้องคาราโอเกะบริการถึง 3 ห้อง แบ่งออกเป็นห้องเล็ก 1 ห้องและห้องใหญ่ 2 ห้อง สำหรับห้องเล็กรองรับได้ 15-20 คน ในราคา 1,500 บาท/ 5 ชม. (350 บาท/ 1 ชม.) ส่วนห้องใหญ่จะแบ่งเป็น 2 ขนาด รองรับได้ 40 และ 60 คน ในราคา 2,500/ 5 ชม. (550 บาท/ 1 ชม.)
เมนูของทางร้านจะเสิร์ฟเป็นเมนู A La Carte ให้ลูกค้าได้เลือกสั่งทั้งอาหารทะเล อาหารอีสาน บาร์น้ำและของหวานได้ตามต้องการ ตั้งแต่เวลา 11.00-00.00 น. โดยทางร้านจะเน้นอาหารทะเลเป็นหลัก โดยเลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบที่มีความสดและเป็นๆ เท่านั้น เพราะทางร้านมีบ่อเลี้ยงปลา ปู กั้ง และกุ้งโดยเฉพาะ ซึ่งในส่วนบ่อเลี้ยงลูกค้าสามารถเดินมาเลือกวัตถุดิบได้ถ้าหากต้องการ สำหรับอาหารอีสานจะเป็นเมนูน้องใหม่ เพิ่งเปิดบริการอาหารอีสานได้ประมาณ 1 เดือน แต่โดยรวมแล้วมีเมนูให้เลือกหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีเมนูฟิวชั่นสำหรับลูกค้าที่ต้องการเลือกทานทั้งอาหารทะเลและอาหารอีสานควบคู่กันอีกด้วย
ทะเลเดือด 345 (450 บาท)
สำหรับเมนูนี้ทางร้านใช้เครื่องต้มยำน้ำข้น เสิร์ฟพร้อมอาหารทะเลจัดเต็มถึง 5 ชนิด ทั้ง ปู ปลา ปลาหมึก กุ้ง และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ โดยทางร้านจะเสิร์ฟมาในหม้อไฟ ทำให้อาหารยังคงความเผ็ดร้อนได้ตลอดช่วงที่รับประทานค่ะ
แพทะเล (350 บาท)

ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน (350 บาท)
ห่อหมกทะเลของทางร้านจะเสิร์ฟมาในมะพร้าวทั้งลูก โดยเครื่องทะเลจะมี ปลา กุ้ง หอยแมลงภู่ และปลาหมึก พร้อมเนื้อมะพร้าวอ่อนแบบเต็มคำ ในมะพร้าวหนึ่งลูกที่ทางร้านเสิร์ฟมาจึงจะได้ทั้งรสชาติจัดจ้านและความหอมของเครื่องแกง ความสดของอาหารทะเล และความหวานของมะพร้าวไปพร้อมกันเลยค่ะ
กุ้งสาละวิน (450 บาท/ 1 ตัว)
เมนูยอดนิยมอีกหนึ่งเมนูของทางร้าน ทางร้านเลือกใช้กุ้งแม่น้ำสาละวิน ซึ่งมีมันเยอะและเนื้อแน่น โดยคัดไซส์มาแล้วพร้อมเสิร์ฟเฉพาะไซส์ 3 ขีด/ 1 ตัว สำหรับเมนูนี้ให้ทานคู่กับน้ำจิ้มจะช่วยเพิ่มรสชาติจัดจ้านได้เป็นอย่างดี โดยทางร้านมีน้ำจิ้มให้เลือกถึง 3 แบบ คือ น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มเผ็ด และน้ำจิ้ม 3 รส
กุ้งเผา (1,900/ 2 กิโลกรัม)
เมนูแนะนำสำหรับคนชอบทานกุ้งเผาอีกหนึ่งเมนูค่ะ เมนูนี้จะเป็นกุ้งก้ามกรามเผา ราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 950 บาท เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เหมาะสำหรับการทานกันเป็นกลุ่มเป็นครอบครัว ในแต่ละตัวเนื้อแน่น และมีมันในทุกตัว ใครที่ชอบทานกุ้งไม่ควรพลาดค่ะ
ข้าวอบสับปะรด (320 บาท)
เมนูคลาสสิคสำหรับครัวอาหารไทย ทางร้านจะใช้ข้าวสวยหมักกับสับปะรดครึ่งลูก จากนั้นนำมาผัดกับ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ กุนเชียง ลูกเกด และโรยหน้าด้วยหมูหยอง นำมาเสิร์ฟร้อนๆ ในลูกสับปะรดผ่าครึ่ง แต่ความพิเศษของข้าวอบสับปะรดในแบบฉบับบร้าน The Sea 345 คือจะเสิร์ฟพร้อมสับปะรดหั่นชิ้นอีกครึ่งลูกให้ทานคู่กันค่ะ
ทะเลลวกจิ้ม (450 บาท)
ทะเลลวกจิ้มของทางร้านจะเป็นลวกจิ้มในรูปแบบใหม่ โดยทางร้านจะเสิร์ฟอาหารทะเลสด และหม้อชาบูพร้อมเตาแก๊ส ให้ลูกค้าได้ลวกเอง เพื่อยังคงความร้อนแบบเต็มคำตลอดมื้ออาหาร สำหรับน้ำซุปที่ใช้จะเป็นน้ำซุปต้มจืดสไตล์จีน ซึ่งจะได้ความหอมจากเห็ดและรสชาติหวานจากเก๋ากี้ที่ทางร้านใช้ต้ม ในส่วนของอาหารทะเลสด ในหนึ่งชุดจะมีให้เลือกทานหลากหลาย ได้แก่ เนื้อปลา ปลาหมึก กุ้ง และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดค่ะ
ต้มยำกุ้ง (250 บาท)
ต้มยำกุ้งของทางร้านจะเป็นต้มยำกุ้งน้ำข้น รสชาติจัดจ้านเช่นเดียวกับเมนูทะเลเดือด 345 แต่สำหรับเมนูนี้ขอแนะนำสำหรับคนชอบทานกุ้งโดยเฉพาะ เพราะในหนึ่งหม้อจะอัดแน่นด้วยกุ้งไซส์ใหญ่ผ่าครึ่ง เพื่อให้ลูกค้าแกะทานได้ง่ายมากขึ้น เมนูนี้จะเสิร์ฟมาในหม้อไฟ ปริมาณจุใจ เหมาะสำหรับการทานอาหารแบบครอบครัว
ปูไข่ดอง (450 บาท)
เมนูยอดนิยมในช่วงนี้ สำหรับปูไข่ดองของทางร้านจะใช้ปูทะเลดำ โดยในแต่ละตัวทางร้านจะคัดไซส์มาเฉพาะไซส์ 3 ขีด โดยในหนึ่งชุดจะเสิร์ฟ 1 ตัวพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดและผักเครื่องเคียงค่ะ
ปูเนื้อนึ่ง (1,050 บาท/ 7 ขีด)
เมนูสำหรับคนที่อยากทานเนื้อปูก้อนแบบเต็มคำ โดยเมนูนี้จะเสิร์ฟ 1 ตัวต่อหนึ่งชุด ซึ่งในแต่ละตัวนั้นทางร้านจะเลือกตักจากบ่อของทางร้านแบบเป็นๆ เพื่อคงความสดของวัตถุดิบไว้ โดยจะคัดตามไซส์ที่ลูกค้าต้องการ สำหรับปูที่เสิร์ฟมาแต่ละตัวทางร้านจะแกะมาให้ลูกค้าแล้ว ซึ่งสะดวกสบายต่อลูกค้าในระดับหนึ่ง ราคาจะอยู่ที่ 150 บาท/ 1 ขีดค่ะ
ปูไข่นึ่ง (900 บาท/ 6 ขีด)
สำหรับเมนูนี้จะเหมาะสำหรับที่ชอบทานปูพร้อมไข่แบบจัดเต็ม เพราะทางร้านเลือกใช้ปูไข่เนื้อแน่นๆ นึ่งสุก โดยเสิร์ฟ 1 ตัวต่อหนึ่งชุด และราคาจะอยู่ที่ 150 บาท/ 1 ขีดเช่นเดียวกันกับปูเนื้อค่ะ
ส้มตำปูไข่ดอง (450 บาท)
เมนูฟิวชั่นสำหรับลูกค้าที่ต้องการทานอาหารอีสานและซีฟู้ดไปควบคู่กัน สำหรับเมนูนี้จะเป็นตำไทยเสิร์ฟพร้อมปูไข่ดอง 1 ตัวค่ะ ซึ่งใช้ปูทะเลดำเช่นเดียวกันกับเมนูปูไข่ดองค่ะ
ส้มตำปูม้านึ่ง (350 บาท)
อีกหนึ่งเมนูฟิวชั่นยอดนิยมที่ลูกค้าทานกันค่ะ สำหรับเมนูนี้ทางร้านจะนำตำไทยเสิร์ฟพร้อมกับปูม้านึ่ง 1 ตัวค่ะ
ส้มตำปูม้าสด (350 บาท)
หากใครอยากเปลี่ยนรสชาติจากปูม้านึ่ง ทางร้านก็มีเมนูฟิวชั่นส้มตำกับปูม้าสดพร้อมเสิร์ฟค่ะ
ปลากะพงทอดน้ำปลา (350 บาท)
เมนูนี้ทางร้านเลือกใช้ปลากะพงขาว ทางร้านจะนำปลากะพงมาทอดจนด้านนอกกรอบเหลือง แต่ด้านในยังคงความนิ่มของเนื้อปลากะพงได้เป็นอย่างดี เสิร์ฟพร้อมน้ำปลาและยำมะม่วง เพื่อให้ลูกค้าได้ปรุงรสชาติตามชอบ สำหรับปลากะพงของทางร้านมีให้เลือกตั้งแต่น้ำหนัก 8 ขีด - 2 กิโลกรัม
ทะเลยกทัพ (450 บาท)
จานนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทุกคนคุ้นเคยในเมนูกุ้งถัง แต่สำหรับทะเลยกทัพของ The Sea 345 นั้นจัดเต็มเพื่อสายซีฟู้ดโดยเฉพาะ เพราะทางร้านยกเครื่องทะเลทั้งหมดมาไว้ในจานเดียว โดยมีให้เลือกทานหลากหลาย เช่น ปูม้า ปลาหมึก หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และกุ้ง ในหนึ่งเมนูจึงสามารถเลือกทานได้อย่างจุใจและครบเครื่องทุกรสชาติอีกด้วยค่ะ
หลนปูเนื้อ (350 บาท)
อาหารไทยพื้นบ้านแนะนำอีกหนึ่งเมนูของทางร้าน สำหรับเมนูนี้ทางร้านจะเลือกใช้เนื้อปูก้อน แกะจากกรรเชียงปู เสิร์ฟมาเป็นชุดพร้อมผักสดนานาชนิดค่ะ
กั้งแก้ว (1,500 บาท/ ครึ่งกิโลกรัม)
เมนูนี้ทางร้านจะนำกั้งแก้วมาทอดกระเทียม เสิร์ฟหั่นชิ้น พร้อมกระเทียมเจียวไว้ให้ลูกค้าเลือกทานตามชอบ ซึ่งทางร้านจะตักกั้งจากบ่อเลี้ยงตามออเดอร์เท่านั้น จึงยังได้ความสดของวัตถุดิบและประกอบกับเนื้อกั้งแก้วที่มีความหวาน มันและนุ่มกว่ากั้งทั่วๆ ไป ดังนั้นหากใครที่กำลังมองหาอาหารทะเลสดๆ รสชาติดีต้องไม่พลาดกับเมนูกั้งแก้วเลยค่ะ โดยราคาจะอยู่ที่ 2,900 บาท/ 1 กิโลกรัม และ 1,500/ ครึ่งกิโลกรัมค่ะ
โทสต์ฮันนี่ (155 บาท)
ในหนึ่งจานจะเสิร์ฟขนมปังอบกรอบ พร้อมด้วยไอศกรีมวานิลลาถึง 2 สกูป และน้ำผึ้งเพื่อให้ลูกค้าสามารถเพิ่มความหวานได้ตามใจชอบค่ะ หรือหากใครที่ชื่นชอบไอศกรีมรสชาติอื่นๆ ทางร้านก็มีเมนูโทสต์อื่นๆ ให้เลือกทานอีก เช่น โทสต์โอริโอ้ สตรอว์เบอร์รี, โทสต์ชีส, โทสต์ช็อกโกแลต, โทสต์กล้วยหอม คาราเมล เป็นต้น
แพนเค้กกล้วยหอม ช็อกโกแลต (145 บาท)
เมนูของหวานแนะนำอีกเมนูหนึ่ง สำหรับเมนูนี้ทางร้านจะเสิร์ฟแพนเค้กเนื้อเนียนพร้อมกับไอศกรีมรส ช็อก ช็อก ชิป ซึ่งเป็นไอศกรีมเนื้อช็อกโกแลตและมีช็อกโกแลตชิปผสมอยู่ในหนึ่งลูก เสิร์ฟมาพร้อมกับกล้วยหั่นชิ้นพอดีคำและราดด้วยช็อกโกแลต เมนูนี้รับรองว่าสาวกช็อกโกแลตชื่นชอบแน่นอนค่ะ หรือหากใครอยากทานรสชาติอื่น ทางร้านก็มีเมนูแพนเค้กแนะนำอื่นๆ เช่น แพนเค้กกล้วยหอม อัลมอนด์, แพนเค้กกล้วยหอม สตรอว์เบอร์รี และแพนเค้ก มิกซ์ฟรุ๊ตค่ะ

เครื่องดื่ม
ในส่วนเมนูเครื่องดื่มของทางร้าน The Sea 345 นั้นก็มีให้เลือกหลากหลายเช่นเดียวกัน โดยมีบริการตั้งแต่ น้ำเปล่า (30 บาท) น้ำอัดลม (30-50 บาท) และน้ำผลไม้ปั่นที่มีให้เลือกดื่มถึง 8 รสชาติ ได้แก่ น้ำมะพร้าว น้ำส้ม น้ำกีวี่ น้ำแอปเปิ้ล น้ำสับปะรด และน้ำแตงโม ในราคาแก้วละ 75 บาท
หรือหากใครเป็นสายสุขภาพ ทางร้านมีน้ำผลไม้ร้าน ZERO kcal X Kalamare ซึ่งเป็นน้ำผลไม้แคลอรีต่ำ เหมาะสำหรับหนุ่มๆ สาวๆ ที่รักสุขภาพโดยเฉพาะ โดยราคาจะอยู่ที่ 60-120 บาท ลูกค้าที่ต้องการสั่งเครื่องดื่มของร้าน ZERO kcal X Kalamare สามารถดูเมนูและราคาได้ที่สมุดเมนูของทางร้าน The Sea 345 หรือเดินไปดูที่หน้าร้านรถเข็นซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าบริเวณลานจอดรถได้ตามสะดวกค่ะ

(จากซ้าย) น้ำแอปเปิ้ลปั่น, น้ำมะนาวปั่น, น้ำกีวี่ปั่น, น้ำส้มปั่น, น้ำแตงโมปั่น, น้ำสับปะรดปั่น และน้ำมะพร้าวปั่น

(จากซ้าย) บลูกามิกาเซ่, บลูฮาวาย, มาการิต้า, ไหมไท และพิ้งค์ เลดี้
สรุปรสชาติอาหาร
ทะเลเดือด 345 (450 บาท) : เมนูนี้จะเสิร์ฟมาในหม้อไฟขนาดใหญ่ ในส่วนของรสชาติน้ำต้มยำมีรสชาติจัดจ้านกำลังดี โดยจะออกรสชาติเปรี้ยวและมีความเผ็ดนิดนึง แต่คนไม่ทานเผ็ดยังคงทานได้ เครื่องทะเลทุกชนิดมีความสดและให้มาปริมาณเยอะ เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับมาทานกับครอบครัวค่ะ
แพทะเล (350 บาท) : แพทะเลจะเสิร์ฟมาในหม้อขนาดเดียวกับทะเลเดือด 345 ในส่วนของรสชาติจะเปรี้ยวนำ เนื่องจากนำเครื่องทะเลมานึ่งมะนาว สำหรับเครื่องทะเลยังคงความสด มีปริมาณเยอะและในแต่ละชิ้นจะมีขนาดใหญ่
ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน (350 บาท) : ห่อหมกมีรสชาติเผ็ดนำนิดนึงค่ะ คนที่ไม่ทานเผ็ดอาจจะรู้สึกว่าเผ็ดไปบ้าง แต่จะได้ความหอมจากใบโหระพาและเครื่องแกง ได้รสชาติหวานจากมะพร้าวอย่างชัดเจน อีกทั้งยังในมะพร้าวหนึ่งลูกยังให้เครื่องทะเลเยอะ และมีความสด ซึ่งเข้ากันได้ดีกับเนื้อห่อหมกค่ะ
กุ้งสาละวิน (450 บาท) : กุ้งของทางร้านมีขนาดใหญ่ ทางร้านเผาสุกกำลังดี ทำให้เนื้อไม่แห้งจนเกินไป อีกทั้งมีความสด เนื้อจึงแน่นและหวาน ในส่วนของมันกุ้ง มีปริมาณเยอะและไม่มีกลิ่นคาว เมื่อทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดของทางร้าน จะช่วยเพิ่มรสชาติเปรี้ยว ไม่ให้เลี่ยนเกินไป เข้ากันได้ดีกับตัวกุ้งค่ะ ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูแนะนำของทางร้านที่ไม่ควรพลาดค่ะ
กุ้งเผา (1,900/ 2 กิโลกรัม) : กุ้งก้ามกรามแต่ละตัวขนาดกำลังดี มีความสดเนื้อแน่น แต่ในบางตัวมันกุ้งอาจจะมีไม่เยอะมากเท่าไหร่ อาจจะไม่ถูกใจคนชอบที่ชอบทานมันกุ้ง แต่ในส่วนของรสชาติมันกุ้งนั้นมีรสชาติดีและไม่คาวเลยค่ะ
ข้าวอบสับปะรด (320 บาท) : รสชาติข้าวอาจจะออกหวานเกินไป แต่มีกลิ่นพริกไทยช่วยเพิ่มความเผ็ดร้อนได้ รวมไปถึงทางร้านผัดมาได้แห้งและไม่แฉะเกินไป ในส่วนของปริมาณต่อหนึ่งจานนั้นถือว่าเยอะ สามารถทานได้ทั้งครอบครัว
ทะเลลวกจิ้ม (450 บาท) : น้ำซุปของทางร้านมีรสชาติหวานและเค็มกำลังดี สามารถทานได้คล่องคอ ในส่วนของเครื่องทะเล ทางร้านให้ปริมาณเยอะ สามารถเลือกทานได้หลากหลาย อีกทั้งมีความสด ปลาหมึกและกุ้งเมื่อลวกแล้วจึงมีความกรุบกรอบ และด้วยสไตล์การทานแบบใหม่ของทางร้าน ลูกค้าจึงสามารถคงความร้อนของอาหารได้ตามต้องการ
ต้มยำกุ้ง (250 บาท) : น้ำต้มยำมีรสชาติเข้มข้น จัดจ้าน ครบทั้งเปรี้ยวและเผ็ด ในส่วนของกุ้งขนาดตัวกำลังดี เนื้อแน่นและไม่คาว อีกทั้งทางร้านได้ผ่าครึ่งมาในทุกๆ ตัว จึงช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าทานได้ง่ายมากยิ่งขึ้นค่ะ
ปูไข่ดอง (450 บาท) : ไข่ปูมีปริมาณเยอะ มีความมันของไข่ปูและไม่มีกลิ่นคาว สำหรับเมนูนี้แนะนำให้ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดของทางร้าน จะช่วยเพิ่มรสชาติที่จัดจ้านมากยิ่งขึ้นค่ะ
ปูไข่นึ่ง (900 บาท/ 6 ขีด) : ทางร้านนึ่งมาสุกกำลังดี เนื้อปูและไข่ปูไม่แห้งติดกระดองจนเกินไป ในส่วนของไข่ปูมีปริมาณเยอะ และมีความมัน แนะนำให้ทานตอนเสิร์ฟมาใหม่ๆ จะได้รสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้นค่ะ
ส้มตำปูม้าสด (350 บาท) : ตัวปูม้ามีความสด มีขนาดกำลังดี แต่ในส่วนของรสชาติส้มตำอาจจะออกหวานไปนิดนึง สำหรับคนที่ไม่ชอบทานหวาน แต่ในหนึ่งจาน เสิร์ฟมาจานใหญ่ มีปริมาณเยอะ สามารถทานได้หลายคนค่ะ
ปลากะพงทอดน้ำปลา (350 บาท) : ด้านนอกปลากะพงทอดมาจนกรอบ แต่ด้านในยังคงความนุ่มของเนื้อปลา และไม่มีกลิ่นคาว เมื่อทานพร้อมกับน้ำปลาและยำมะม่วง ทำให้ในหนึ่งคำมีรสชาติครบทั้งเปรี้ยวและเค็ม ควบคู่กับความกรอบนุ่มของเนื้อปลา เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทำออกมาได้ดีเลยค่ะ
ทะเลยกทัพ (450 บาท) : เครื่องทะเลมีให้เลือกทานหลากหลายในเมนูเดียว อีกทั้งมีปริมาณเยอะและมีขนาดใหญ่ เครื่องทะเลแต่ละชิ้นจะถูกคลุกเคล้ากับซอสมาเป็นอย่างดี จึงครบทุกรสชาติ ทั้งเปรี้ยว หวาน และเผ็ด แต่ไม่เผ็ดมากเกินไป แนะนำให้ทานตอนร้อนๆ จะรสชาติดีมากขึ้นค่ะ
หลนปูเนื้อ (350 บาท) : ในส่วนของรสชาติมีความหวานและมัน เนื้อปูชิ้นใหญ่ ผักที่เสิร์ฟเป็นเครื่องเคียงมีความสดกรอบ และมีให้เลือกทานหลายชนิด
กั้งแก้ว (1,500 บาท/ ครึ่งกิโลกรัม) : ทางร้านทอดมาได้สุก เนื้อกั้งมีความสดจึงยังคงความหนึบและหวาน ในส่วนของรสชาติจะปรุงรสออกมาเค็มกำลังดี นอกจากนี้ทางร้านยังเสิร์ฟพร้อมกระเทียมเจียวถ้วยใหญ่ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกใส่ได้ตามชอบ เป็นอีกหนึ่งเมนูแนะนำของทางร้านเลยค่ะ
โทสต์ฮันนี่ (155 บาท) : ขนมปังมีความกรอบทั้งชิ้นและชิ้นใหญ่ เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลา 2 สกูป เมื่อทานคู่กับขนมปัง และน้ำผึ้ง รสชาติออกมาหวานกำลังดีแต่ถ้าหากใครชอบทานหวานมาก สามารถเติมน้ำผึ้งได้ค่ะ
แพนเค้กกล้วยหอม ช็อกโกแลต (145 บาท) : เนื้อแพนเค้กเนียนและนุ่ม มีความหอมเนยบางๆ แป้งไม่หนาเท่าไหร่นัก เมื่อทานคู่กับไอศกรีมและกล้วย รสชาติไม่ออกหวานมากเกินไป แต่ได้รสชาติของช็อกโกแลตแบบเต็มคำค่ะ
น้ำแตงโมปั่น (75 บาท) : เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะได้สัมผัสของเนื้อแตงโมและได้รสชาติหวานของแตงโมแบบเต็มคำ สำหรับใครที่มองหาน้ำผลไม้ เมนูนี้ขอแนะนำค่ะ
น้ำมะพร้าวปั่น (75 บาท) : น้ำมะพร้าวมีความหอมหวานของมะพร้าวอย่างชัดเจน และมีเนื้อสัมผัสของมะพร้าว เป็นอีกหนึ่งเมนูเครื่องดื่มที่แนะนำค่ะ
พิ้งค์ เลดี้ Pink Lady (160 บาท) : เครื่องดื่มแนะนำสำหรับสาวๆ เป็นเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอม และได้รสชาติหวานของน้ำส้ม ทำให้ดื่มง่ายคล่องคอ
ไหมไท Mai Tai (160 บาท) : เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะได้รสชาติเปรี้ยวของสับปะรดอย่างชัดเจน ช่วยตัดเลี่ยนจากอาหารได้ดีค่ะ
มาการิต้า Margarita (160 บาท) : สำหรับเมนูนี้จะได้ทั้งความหวานจากน้ำเชื่อมและความเปรี้ยวของมะนาว จึงได้รสชาติที่หวานเปรี้ยวกำลังดี ไม่มากเกินไป และมีความเค็มของเกลือที่ทาอยู่รอบปากแก้ว ในหนึ่งแก้วจึงจะได้หลากหลายรสชาติเลยทีเดียวค่ะ
การประเมิน และให้คะแนน
รูปแบบของการประเมิน |
คะแนน |
รสชาติอาหาร |
4.2 |
บรรยากาศ |
4.0 |
การบริการ |
4.0 |
ความคุ้มค่า |
4.2 |
คะแนนเฉลี่ย |
4.1 |
จุดเด่นของร้าน The Sea 345
1. ทางร้านมีการคัดเลือกวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน และใช้เฉพาะอาหารทะเลสดและใหม่เท่านั้นในการประกอบเมนูอาหาร แต่ละเมนูจึงออกมามีรสชาติดี เช่น ปูไข่ดอง ทางร้านเลือกปูไข่ที่สดและมีปริมาณไข่เยอะ อีกทั้งยังดองน้ำปลาได้รสชาติดีอีกด้วย, กุ้งสาละวิน สำหรับเมนูนี้คนชอบทานกุ้งเผาไม่ควรพลาด เพราะขนาดกุ้งนั้นมีขนาดกำลังดีเหมาะสมกับราคา อีกทั้งเนื้อและมันกุ้งนั้นย่างมาสุกกำลังดีและมีรสชาติดี ไม่มีกลิ่นคาวค่ะ และเมนูกั้งแก้ว เนื้อกั้งมีความหวานและทอดมาได้ดี เนื้อไม่เละ เป็นอีกหนึ่งเมนูแนะนำค่ะ
2. เมนูอาหารของทางร้านมีให้เลือกหลากหลาย ลูกค้าจึงสามารถเลือกทานได้หลากหลายเมนู ทั้งอาหารทะเลและอาหารอีสาน
3. ราคาของอาหารทั้งหมดนั้นถือว่าไม่แพงและคุ้มค่าเมื่อเทียบกับบรรยากาศของร้าน รวมไปถึงคุณภาพและปริมาณอาหารที่ลูกค้าได้รับค่ะ
4. พื้นที่นั่งและโต๊ะภายในร้านมีให้เลือกนั่งได้เยอะ เนื่องจากร้านมีพื้นที่กว้าง จึงสามารถรองรับลูกค้าได้จำนวนมาก อีกทั้งยังมีการตกแต่งด้วยการยกเพดานสูง และเปิดโล่ง มองเห็นทัศนียภาพด้านนอก ร้านจึงมีบรรยากาศดี น่านั่งรับประทานอาหาร เหมาะสำหรับการทานอาหารแบบครอบครัวและกลุ่มเพื่อนค่ะ
5. ที่จอดรถของร้านสามารถรองรับได้ถึง 200 คัน ลูกค้าที่เดินทางได้ด้วยรถส่วนตัวจึงไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดรถแต่อย่างใด
ข้อมูลอื่นและข้อเสนอแนะ
1. หากลูกค้าต้องการมาทานอาหารที่ร้าน โดยเฉพาะในส่วนของห้องปรับอากาศ แนะนำให้จองล่วงหน้า เพราะเป็นส่วนที่ลูกค้าแน่นเป็นพิเศษ และนอกจากนี้ทางร้านยังรับจัดเลี้ยงสังสรรค์ สัมมนาสำหรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ตามต้องการ โดยสามารถติดต่อจองโต๊ะได้ทางโทรศัพท์และแฟนเพจค่ะ
2. ป้ายของทางร้านอาจจะไม่เป็นที่สังเกตเท่าไหร่นัก เพราะตัวป้ายจะอยู่ด้านใน ไม่ติดกับริมถนน หากใครไม่ทันสังเกตอาจจะขับรถผ่านร้านไปได้ค่ะ
3. เมนูอาหารของทางร้านอาจจะมีไม่ครบทุกเมนูในบางช่วง เนื่องจากทางร้านเลือกใช้อาหารทะเลสด ซึ่งอาจจะติดขัดในขั้นตอนการหาวัตถุดิบในบางครั้ง ถ้าหากต้องการทานเมนูไหนเป็นพิเศษแนะนำให้สอบถามกับทางร้านโดยตรงก่อนค่ะ
4. ทางร้านมีพื้นที่ให้ลูกค้าเลือกนั่ง 2 ส่วนคือ ที่นั่งในห้องปรับอากาศและที่นั่งด้านนอก Open-air สำหรับที่นั่งด้านนอกอาจจะมียุงเยอะไปบ้าง เพราะที่นั่งติดกับทุ่งนา แต่ทางร้านมียาทากันยุงให้บริการสำหรับลูกค้าทุกโต๊ะค่ะ
ด้วยอาหารทะเลที่สดใหม่ อาหารอีสานรสจัดจ้าน และเมนูเครื่องดื่มของหวานหลากหลายชนิด พร้อมด้วยบรรยากาศที่ดีและพื้นที่ที่พร้อมรองรับลูกค้าอย่างกว้างขวาง The Sea 345 จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะวันพักผ่อนกับครอบครัวหรือวันที่ต้องการความสนุกสนานสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน ดังนั้นแล้วหากใครที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากย่านนนทบุรี ก็อย่าพลาดที่จะตามไปลิ้มลองอาหารสดใหม่ที่ The Sea 345 นะคะ





