รีวิว Mizuki Omakase เปิดประสบการณ์การทานโอมากาเสะสุดพรีเมียม พร้อมท่องอวกาศ เสมือนนั่งทานอยู่บนดวงจันทร์
วันนี้ Ryoii ขอเชิญทุกคนร่วมเดินทางสู่อวกาศไปกับเราและ Mizuki Omakase ร้านโอมากาเสะแห่งใหม่ใจกลางสุขุมวิท ที่พร้อมเสิร์ฟประสบการณ์การทานโอมากาเสะไปพร้อมกับการชมหมู่ดาวและความสมบูรณ์แห่งท้องทะเล และยังได้ตื่นตาตื่นใจกับการพรีเซนต์สุดอลังกาลเสมือนนั่งทานอยู่บนดวงจันทร์
การเดินทาง
Mizuki Omakase เปิดบริการอยู่ที่ อาคาร SAM-ED (ชั้น 4) สามารถเดินทางได้ทั้งรถส่วนตัว และรถไฟฟ้า หากนำรถส่วนตัวมาสามารถจอดรถได้ที่บริเวณหน้าตึก และหากเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ให้ลงสถานี พร้อมพงษ์ (ทางออก 5) สามารถนั่งรถต่อไปยัง อาคาร SAM-ED ระยะทางประมาณ 850 เมตร
บรรยากาศร้าน
เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในร้านเราก็จะได้เจอกับบรรยากาศร้านทีมีทั้งความลึกลับและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน อย่างที่บอกว่า Mizuki Omakase จะตกแต่งร้านในธีมอวกาศ ดังนั้นเมื่อเราเดินไปในจุดต่างๆ ของร้านก็จะได้เจอทั้งดวงจันทร์ นักบินอวกาศ และดวงดาวต่างๆ ที่รายล้อมอยู่ทั่วทั้งร้านเลยค่ะ
หากมองจากมุมนี้ก็จะได้เห็นความสว่างไสวของกลุ่มดาวเล็กๆ ที่อยู่ด้านบนด้วยค่ะ
เดินตามทางเดินมาเรื่อยๆ ก็จะได้เจอห้องโอมากาเสะที่ถือว่าเป็นประตูบานแรกที่จะทุกคนมุ่งสู่ห้วงของอวกาศและดวงดาว และหากสังเกตดีๆ ก็จะเห็นภาพเพ้นท์ของท้องทะเลขนาดใหญ่ที่สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล เหมือนกับวัตถุดิบที่มิสึกิ โอมากาเสะเลือกใช้ซึ่งจะเป็นวัตถุดิบที่สดใหม่ พรีเมียม ตลอดจนวัตถุดิบที่สามารถหาทานได้เฉพาะในฤดูกาลของประเทศญี่ปุ่น
สำหรับห้องโอมากาเสะจะสามารถรองรับลูกค้าได้ 10 ท่าน / 1 รอบ
เมนูและวัตถุดิบของ Mizuki Omakase
มิสึกิ โอมากาเสะ มาพร้อมสโลแกน ‘เมื่อจันทร์เต็มดวงและสายน้ำบรรจบกัน จึงกำเนิดเป็นความอุดมสมบูรณ์แห่งท้องทะเล’ สำหรับการนำเสนอเมนูและการเลือกใช้วัตถุดิบของที่นี่ต้องบอกว่าน่าสนใจมากๆ โดยทางร้านจะเลือกใช้วัตถุดิบที่สดใหม่และพรีเมียมส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น และนอกจากนี้วัตถุดิบบางอย่างยังเป็นวัตถุดิบที่สามารถหาทานได้ตามฤดูกาลของประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ในเรื่องของการนำเสนอเมนูก็น่าตื่นเต้นแทบทุกจานเลยทีเดียว ด้วยการนำเสนอคอร์สโอมากาเสะผสมผสานกับความเป็นฟิวชันในธีมอวกาศตามบรรยากาศของร้าน ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังนั่งทานอาหารอยู่บนดวงจันทร์เลยค่ะ
Mizuki Omakase จะมีให้บริการทั้งหมด 2 คอร์ส
(แบ่งเป็น 3 ช่วงเวลา ดังนี้ 12.00 น. | 17.30 น. | 20.00 น.)
• New Moon Course ราคา 4,499 บาท++ / 14 Courses
• Full Moon Course ราคา 7,499 บาท++ / 18 Courses
Zensai Appitizer
เตรียมพร้อมเดินทาง มุ่งหน้าสู่สถานีอวกาศ ด้วย Zensai Appitizer เมนูเรียกน้ำย่อยเสิร์ฟมาในถาดไม้และหินสีดำเสมือนเรากำลังจะเดินทางออกไปนอกโลกแล้ว ในเซตนี้จะมีจานย่อยมาถึง 3 จาน ประกอบไปด้วย Mozuku Junsai, Shiro Ebi และ Katsuo Warayaki
Mozuku Junsai
เปิดต่อมรับรสด้วย Mozuku Junsai หรือสาหร่ายเส้นผมและบัวหิมะ รสชาติเปรี้ยวซ่าสดชื่นจากผิวเปลือกมะนาวที่เชฟขูดลงไปในตอนท้าย เหมาะสำหรับเป็นแก้วแรกของมื้อ (เมนูนี้เชฟแนะนำให้ยกดื่มได้เลย)
Shiro Ebi
มาต่อกันที่ Shiro Ebi ข้าวปั้นหน้ากุ้งขาววางมาบนใบชิโสะ และท็อปด้วย Uni เป็นขั้นตอนสุดท้าย สำหรับกุ้งชิโระหรือกุ้งขาว เป็นกุ้งตัวเล็กซึ่งหาทานได้ยากในบ้านเรา เพราะกุ้งชนิดนี้จะอาศัยอยู่ในน้ำทะเลลึกของประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น เมื่อทานแล้วจะได้สัมผัสกับความนุ่มหนึบและรสชาติที่หวานของเนื้อกุ้ง ตามมาด้วยกลิ่นหอมและความครีมมี่ของ Uni สายพันธุ์ Murasaki
Katsuo Warayaki
และปิดท้ายเซตนี้ด้วย Katsuo Warayaki ที่เสิร์ฟมาในจานอุกกาบาตทรงกลมพื้นผิวขรุขระ เมื่อเปิดออกมาก็จะได้พบกับปลาคัตสึโอะย่างฟาง หนังของปลาจะสุกและมีสีของการย่าง แต่เนื้อปลาด้านในจะยังคงเป็นสีแดงสดและฉ่ำอยู่ เมื่อทานแล้วจะได้สัมผัสกับเนื้อปลาที่แน่นและรสชาติของปลาที่เข้มข้น ตามมาด้วยกลิ่นหอมของการย่างฟาง
เริ่มจานต่อไปกับเมนู ‘Awabi Truffle Toast’ ที่เชฟกำลังบรรจงวางวัตถุดิบสุดพรีเมียมทั้งหอยเป๋าฮื้อ ทรัฟเฟิล และคาเวียร์อย่างตั้งใจ
Awabi Truffle Toast
Toast จะเสิร์ฟมาในจานหลุมอุกกาบาตสีดำแบบนี้เลยค่ะ สำหรับ Awabi Truffle Toast มีทั้งหอยเป๋าฮื้อและทรัฟเฟิล แต่อีกหนึ่งความพิเศษของจานนี้คือซอสตับหอยเป๋าฮื้อ ที่แทรกอยู่ตรงกลางระหว่างชิ้นโทสต์และหอยเป๋าฮื้อ รสชาติของซอสตับเชฟทำออกมาได้ดีมาก มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และไม่มีกลิ่นคาวเลย เมื่อทานพร้อมๆ กันแล้วรสชาติลงตัวมากในตอนท้ายก็จะได้กลิ่นหอมของทรัฟเฟิลและรสเค็มนิดๆ จากคาเวียร์แทรกขึ้นมาอีกด้วย
Seasonal Dish
พุ่งทะยานสู้ห้วงอวกาศอีกขั้นด้วย Seasonal Dish วัตถุดิบชั้นดีที่สามารถหาทานได้ตามฤดูกาลของประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น เซตนี้เสิร์ฟมาแบบอลังกาลด้วยดรายไอซ์และแต่ละจานก็มีวิธีการปรุงวัตถุดิบที่ต่างกัน เริ่มต้นที่โฮตาเตะ เชฟนำไปย่างจนหอม รสชาติจะเค็มนิดๆ โฮตาเตะเนื้อแน่นสด ต่อมาคือยำปลาดิบสไตล์ญี่ปุ่น รสชาติอ่อนๆ สบายท้อง วางมาบนรากบัวชุบแป้งทอด และจานสุดท้ายคือเทมปุระ เนื้อปลาแน่นและละเอียด สามารถเพิ่มความอูมามิได้ด้วยการโรยเกลือ และปิดท้ายด้วยลูกฟิกสดเนื้อหวานฉ่ำ
Ankimo
Ankimo Mousse เสิร์ฟมาในไข่สีขาว และเมื่อเปิดออกมาก็จะเจอมูสตับปลาอังโกะ ท็อปมาด้วยเจลลี่ยูสุพอนสึและวาซาบิ สำหรับเมนูนี้ทานแล้วจะได้สัมผัสกับความนุ่มละมุนของมูสตับปลา ตามมาด้วยกลิ่นหอมที่อบอวลไปทั่วทั้งปาก สมกับฉายาที่ว่า ‘ฟัวกราส์แห่งท้องทะเล’ สุดๆ
ชาวันมูชิ หรือไข่ตุ๋นญี่ปุ่นที่ถูกปลุกความตื่นเต้นด้วยการเผาไหม้ Chawanmushi จะถูกซ่อนอยู่ในเปลือกไข่และปิดทับด้วยกระดาษสีขาวอีกหนึ่งชั้น ก่อนเสิร์ฟเชฟจะทำการเผากระดาษเพื่อให้เราได้เห็นหน้าตาของไข่ตุ๋นหมึกดำที่ซ่อนอยู่นั่นเอง
Chawanmushi
ไข่ตุ๋นญี่ปุ่นหมึกดำ ท็อปมาด้วย Uni สุดพรีเมียมสีเหลืองทองชิ้นโต เมื่อตักทานคำแรกจะได้สัมผัสกับความเนียนละมุนลิ้น รสชาติเบาๆ ตามมาด้วยกลิ่นหอมของหมึกดำและ Uni ชั้นล่างสุดของถ้วยไข่ตุ๋นเชฟยังซ่อนแห้วหั่นเต๋าเอาไว้ให้เราได้เคี้ยวเพลินๆ ในตอนท้ายอีกด้วย
อีกหนึ่งเมนูสุดพรีเมียมที่เสิร์ฟมาในจานสีดำสุดลึกลับน่าค้นหา
Amadai Soup
เมื่อเปิดออกมาแล้วเราได้พบกับปลา Amadai หรือปลาไท่หวาน ที่เสิร์ฟมาในรูปแบบของซุปใสกลิ่นหอมมาก เนื้อปลาเชฟจะเสิร์ฟมาพร้อมเกล็ดปลาทอดสีเหลืองทอง ปลาไท่หวานญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นปลาชั้นสูง เนื้อละเอียดแน่นและหวาน เมื่อทานพร้อมซุปใสที่มีความเค็มนิดๆ และเข้ากันดีมาก
Long Uni
สำหรับเมนู Long Uni เชฟเริ่มต้นด้วยการนำสาหร่ายไปย่างบนเตาถ่านให้มีกลิ่นหอมและวางข้าวญี่ปุ่นหลังจากนี้ก็จะวาง Uni ลงบนข้าวแบบแน่นๆ ปิดท้ายด้วยการทาซอสและท็อปด้วยคาเวียร์
Uni สายพันธุ์ Murasaki ที่ทางร้านเลือกใช้ถือเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุด และเหมาะสำหรับการทานสด ซึ่ง Uni สายพันธุ์นี้จะมีรสชาติหวานหอมตามด้วยรสเค็มนิดๆ และเนื้อสัมผัสนุ่มละมุนสุดครีมมี่
Long Uni สดมากรสชาติหวานหอม เนื้อครีมมี่ ไม่เหม็นคาวตามด้วยรสเค็มนิดๆ
Sujiko Nama
มาต่อกันที่วัตถุดิบที่ขึ้นว่าสามารถหาทานได้ตามฤดูกาลของประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น กับ Sujiko Nama หรือไข่ปลาแซลมอนสดที่ผ่านกระบวนการดองด้วยสูตรพิเศษของเชฟ ทานแล้วจะได้สัมผัสกับรสเค็มนวล และเข้มข้นของไข่ปลาแซลมอน เคี้ยวเพลินมาก ปิดท้ายด้วยกลิ่นหอมของหัวไชเท้านิดๆ
ความพิเศษของเมนูนี้คือ เชฟจะนำไข่ปลาแซลมอนสดๆ ไปดองแบบทั้งพวง เมื่อถึงขั้นตอนการเสิร์ฟก็จะตัดเสิร์ฟจากพวงไข่ปลาแบบสดๆ ถือเป็นเมนูที่ต้องอาศัยความชำนาญและความพิถีพิถันของเชฟในการตัดไข่ปลา เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดในตอนเสิร์ฟ
Chutoro
Chutoro อีกหนึ่งส่วนที่ใครหลายๆ คนชอบ เพราะส่วนของ Chutoro จะมีเส้นไขมันแทรกอยู่แบบพอดีๆ ไม่มากไม่น้อยเกินไป
Chutoro
Chutoro ซูชิ เสิร์ฟมาบนแท่นหินอ่อนพร้อมป้ายบอกเขียงประมูล เนื้อปลาทูน่าส่วนท้องมีไขมันแทรกกำลังดี เนื้อปลาสีสด ทานแล้วเนื้อปลาจะมีสัมผัสที่แน่น นุ่ม และจะได้รสชาติที่เข้มข้นของเนื้อปลา ปิดท้ายด้วยกลิ่นหอมของซอสสูตรพิเศษของทางร้าน
Ice cream
ปิดท้ายด้วยเมนูขนมหวานอย่างชูครีมเสิร์ฟมาพร้อมไอศกรีมรูปโลกที่สื่อถึงการเดินกลับมายังโลก หลังจากที่ออกไปผจญภัยกับประสบการณ์รสชาติใหม่ๆ ในห้วงของอวกาศแล้ว สำหรับเมนูขนมหวานถือเป็นเมนูที่เชฟตั้งใจรังสรรค์ออกมาได้น่าตื่นตาตื่นใจและน่าทานมาก ชูครีมสอดไส้ครีมรสชาติหวานละมุน สามารถเลือกทานพร้อมผลไม้รสเปรี้ยวบนจานเพื่อนตัดรสหวานได้ หรือจะทานพร้อมไอศกรีมรูปโลกก็เข้ากันสุดๆ
สรุปรสชาติอาหาร
Zensai Appitizer : ในเซตนี้ประกอบไปด้วย Mozuku junsai สาหร่ายเส้นผมและบัวหิมะรสชาติเปรี้ยวซ่าทานแล้วสดชื่นมาก จานต่อมาคือ Shiro Ebi ข้าวปั้นหน้ากุ้งขาวท็อปมาด้วย Uni เนื้อกุ้งสดและหวาน ตามมาด้วยกลิ่นหอมของ Uni และจานสุดท้ายคือ Katsuo warayaki เนื้อปลาคัตสึโอะย่างฟาง ทานแล้วมีกลิ่นของการย่างเนื้อด้านในยังคงฉ่ำและสีสดอยู่
Awabi Truffle Toast : หอยเป๋าฮื้อเนื้อเด้งหนึบ ซอสตับรสชาติเข้มข้นเค็มมันและมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อทานพร้อมโทสต์และทรัฟเฟิลแล้วเข้ากันดีมาก
Seasonal Dish : จานนี้มีครบทั้งการย่าง ยำ และทอด โฮตาเตะหอมกลิ่นย่างเนื้อสดเด้ง ต่อมาคือยำปลาดิบสไตล์ญี่ปุ่น รสชาติอ่อนๆ ทานง่าย และจานสุดท้ายคือ เทมปุระแป้งกรอบเบา ปลาด้านในเนื้อแน่นละเอียด สามารถเพิ่มรสชาติอูมามิได้ด้วยการโรยเกลือที่เสิร์ฟมาพร้อมกันค่ะ
Ankimo : มูสตับปลาอังโกะ ท็อปมาด้วยเจลลี่ยูสุพอนสึและวาซาบิ ทานแล้วเนื้อมูสเนียนละเอียด และมีกลิ่นหอมของตับปลาอยู่ทั่วทั้งปาก ไม่มีกลิ่นคาว
Chawanmushi : ไข่ตุ๋นญี่ปุ่นหมึกดำ ท็อปด้วย Uni ชิ้นโต เนื้อไข่ตุ๋นนุ่มละมุนลิ้นมีกลิ่นหอมของหมึกดำ ด้านล่างของถ้วยจะมีเนื้อแห้วหั่นเต๋าอยู่ด้วย และปิดท้ายด้วยความหวานหอมของ Uni
Amadai Soup : ปลา Amadai เสิร์ฟมาพร้อมเกล็ดปลาทอด ปลามีรสหวานและเนื้อละเอียด เมื่อทานพร้อมซุปใสที่มีความเค็มนิดๆ และเข้ากันดี
Long Uni : Uni สีเหลืองทองมาในขนาดชิ้นที่ใหญ่ ทางร้านเลือกใช้สายพันธุ์ Murasaki ซึ่งถือเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุด รสชาติหวานหอมตามด้วยความเค็มนิดๆ เนื้อ Uni มีความครีมมี่ และไม่มีกลิ่นคาว
Sujiko Nama : ไข่ปลาแซลมอนสดที่เชฟนำไปดองแบบทั้งพวงและนำมาเสิร์ฟในแบบซูชิ รสชาติไข่ปลาเข้มข้นเค็มมัน และมีกลิ่นหอมไม่เหม็นคาว
Chutoro : เนื้อปลาทูน่าส่วนท้อง ทานแล้วเนื้อปลาจะมีความนุ่มและหนึบในเวลาเดียวกัน รสชาติปลาเข้มข้น และปิดท้ายด้วยความหอมของซอสสูตรพิเศษของทางร้าน
Ice cream : ไอศกรีมรูปโลก เสิร์ฟพร้อมชูครีมสอดไส้ครีมรสชาติหวานละมุน ไอศกรีมของทางร้านจะเป็นไอศกรีมเนื้อคล้ายๆ กับวิปครีม เนื้อเนียนละเอียดมีความหวานนิดๆ เมื่อทานพร้อมผลไม้และแยมที่มีรสเปรี้ยวแล้วเข้ากันดีมาก
จุดเด่นของร้าน Mizuki Omakase
1. ร้านมิสึกิ โอมากาเสะ บรรยากาศร้านมาในธีมอวกาศน่าตื่นตาตื่นใจ ภายในห้องโอมากาเสะมีการตกแต่งด้วยภาพเพ้นท์ขนาดใหญ่เป็นรูปท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลานานาชนิด และยังมีการตกแต่งด้วยไฟสีต่างๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งทานโอมากาเสะอยู่ในอวกาศ
2. วัตถุดิบที่ทางร้านเลือกใช้เป็นวัตถุดิบสุดพรีเมียมส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น และนอกจากนี้บางวัตถุดิบยังสามารถหาทานได้เฉพาะในฤดูของญี่ปุ่นเท่านั้น
3. การนำเสนอเมนูในแต่ละคอร์สจะมีลูกเล่นที่ไม่ซ้ำกัน ทำให้ลูกค้าที่มาทานโอมากาเสะได้ตื่นตาตื่นใจการนำเสนอของเชฟแต่ละคน
4. ร้านมิสึกิ โอมากาเสะ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือโซนบาร์และห้องโอมากาเสะ โซนด้านหน้าจะเป็นบาร์บรรยากาศสบายๆ ซึ่งในส่วนนี้ลูกค้าสามารถมานั่งทานได้โดยไม่ต้องจองคอร์สโอมากาเสะ
ข้อเสนอแนะ และข้อมูลเพิ่มเติม
1. Mizuki Omakase จะมีให้บริการทั้งหมด 2 คอร์ส คือ New Moon Course ราคา 4,499 บาท++ / 14 Courses และ Full Moon Course ราคา 7,499 บาท++ / 18 Courses โดยจะแบ่งเป็น 3 ช่วงเวลา ดังนี้ เวลา 12.00 น. เวลา 17.30 น. และเวลา 20.00 น.
2. สนใจสอบถามเพิ่ม หรือจองคอร์ส โทร. 063 1811414 หรือ LINEOA : @mizukiomakase
สำหรับร้าน Mizuki Omakase ถือเป็นร้านโอมากาเสะที่มาพร้อมบรรยากาศแปลกใหม่ในธีมอวกาศ และนอกจากนี้ทางร้านก็ยังมีการนำเสนอเมนูให้สอดคล้องกับธีมร้านอีกด้วย หากใครที่เป็นสายโอมากาเสะและกำลังมองหาร้านใหม่ๆ บอกเลยว่ามาที่นี่แล้วไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะนอกจากจะโดดเด่นในเรื่องของการตกแต่งร้านแล้วทางมิสึกิ โอมากาเสะ ก็ยังโดดเด่นในเรื่องการเลือกใช้วัตถุดิบสุดพรีเมียมที่ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น!