บทสัมภาษณ์ "เป๋าตุงกุ้งย่าง" กับโครงการ คืนรอยยิ้ม สู่ถิ่นไกล ตอน พาน้องลงดอยมาอิ่มอร่อยกับหมูกระทะ

          “ทะเล” “บันไดเลื่อน” “ดรีมเวิลด์” และ “หมูกระทะ” สำหรับใครบางคนแล้วสิ่งเหล่านี้อาจจะดูเล็กน้อยไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นหรือเรื่องแปลกใหม่ แต่สำหรับน้องๆ บนดอยการได้มาทะเลครั้งแรกในชีวิตถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ การได้ลองขึ้นบันไดเลื่อนครั้งแรกถือเป็นเรื่องสนุกปนตื่นเต้น การได้เข้าสวนสนุกดรีมเวิลด์เป็นเหมือนฝันที่ได้กลายเป็นจริง และการได้ทานหมูกระทะครั้งแรกในชีวิตกลับเป็นสิ่งที่สร้าง “รอยยิ้ม” ให้น้องๆ พร้อมทั้งสร้าง “ความสุข” ให้กับพี่ๆ 

 

 

          การจะทำให้ใครยิ้มได้เพราะมีความสุข ไม่ใช่เรื่องยากเกินความพยายาม กลับเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไม่ต้องอาศัยวัตถุหรือเงินทองอะไร เพียงแค่รู้จัก “การให้” รู้จัก “การแบ่งปัน” เท่านั้นทั้งใจผู้รับ และผู้ให้ก็เป็นสุขแล้ว

          ช่วงที่เราได้ไปรีวิวร้านเป๋าตุงกุ้งย่าง รังสิต ทีมงานได้มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณกิ๊กเจ้าของร้านถึงโครงการนึงที่น่าสนใจของทางร้าน เป็นโครงการที่คุณกิ๊ก และกลุ่มเพื่อนได้ร่วมกันพาเด็กที่อาศัยอยู่ในที่ห่างไกลหรือบนดอย มา "ทานหมูกระทะ" และพามายังสถานที่ต่างๆ  เราจึงถือโอกาสมาสัมภาษณ์ถึงที่มาของโครงการนี้กันว่ามีที่มาที่ไปเป็นอย่างไรบ้าง

 

SPONSORED

 



คุณกิ๊ก เจ้าของร้านหมูกระทะเป๋าตุงกุ้งย่าง
 

จุดเริ่มต้น “โครงการคืนรอยยิ้ม สู่ถิ่นไกล

          เมื่อวันนี้เรามีพร้อมทุกอย่างเลยมีความคิดอยากจะแบ่งปันสิ่งดีๆ คืนสู่สังคม จึงเป็นจุดเริ่มต้นทำโครงการ คืนรอยยิ้ม สู่ถิ่นไกลครั้งที่ 1 “พาน้องลงดอย มาลอยทะเล” ซึ่งวัยเด็กผมฐานะไม่ได้ดีมาก เรามาคิดว่าวัยเด็กเราเคยขาดอะไร สิ่งไหนเราเคยฝัน และพอทำให้สังคมได้ ก็อยากมีส่วนเติมเต็มให้เด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล และค่อนข้างขาดแคลนตามกำลังที่เรามี การพาน้องลงมาไม่ค่อยได้เห็นที่ไหน เป็นอีกวิธีที่ไม่เหมือนใคร

 

หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือ “การแบ่งปัน”

          การแบ่งปันสำหรับเราไม่ได้คิดว่าจะต้องทุ่มเทเป็นเงินทองมูลค่ามหาศาล แค่ใช้ใจเราเองหยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้คนอื่น ไม่ว่าจะให้อะไรก็ตาม ถ้าผู้รับได้รับแล้วสบายใจ คนให้ก็มีความสุขด้วยเช่นกัน ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งแบ่งปันยิ่งได้รับ ยิ่งทำให้คนอื่นยิ้มได้มากเท่าไร ตัวเราเองที่สุขใจกว่าหลายเท่า

 

โครงการนี้มีใครเข้าร่วมบ้าง

          โครงการนี้เกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจจากทีมงานหลายสาขาอาชีพ ซึ่งทุกคนล้วนเป็นกำลังสำคัญ ส่วนผมจะคอยเตรียมการเรื่องอาหารเมื่อน้องๆ มาทานหมูกระทะกันที่เป๋าตุงกุ้งย่าง สาขารังสิต คลอง 2 และยังมี CITIBANK ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของโครงการ ส่วนกลุ่ม OFFROAD จากทาง We Are Ranger จะเป็นผู้ไปสำรวจพื้นที่โดยใช้พาหนะรถ OFFROAD พร้อมจิตอาสากว่า 20 ท่าน ที่คอยดูแลน้องๆ อย่างใกล้ชิด ทีมงานแต่ละท่านถึงจะอยู่ต่างองค์กรแต่มีเป้าหมายเดียวกัน คืออยากช่วยเหลือเด็กๆ ในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ที่ประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง และต้องการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม และแบ่งปันความสุขให้กับน้องๆ ทั้ง 5 โรงเรียน ที่จะเป็นกำลังสำคัญหลักของชาติในอนาคตต่อไป

 

แล้วมีการเตรียมตัวอย่างไรในการจัดโครงการนี้

          แต่ละฝ่ายมีความตั้งใจสำหรับโครงการนี้เต็มที่ การปรึกษาด้านต่างๆ การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ หรือการเตรียมรายละเอียดจัดโครงการ ประสานงาน และจัดหา Staff จึงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะทุกคนพร้อมสนับสนุนทุกกิจกรรมเพื่อให้โครงการนี้สำเร็จ จากนั้นทีมงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปสำรวจในพื้นที่ และสอบถามถึงความต้องการของน้องๆ บนดอยว่าอยากให้มีกิจกรรมอะไรเกิดขึ้นในโครงการบ้าง สรุปจึงได้ข้อมูลมาว่าสิ่งที่เด็กๆ บนดอยทุกคนต้องการคือ การได้ทานหมูกระทะ เล่นเครื่องเล่นสวนสนุกดรีมเวิลด์ ขึ้น-ลงบันไดเลื่อนในห้างสรรพสินค้า และได้เล่นน้ำทะเล จากนั้นจึงเริ่มติดต่อเรื่องที่พักสำหรับน้องๆ เวลาขึ้นมาทำกิจกรรมจึงได้ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต กับที่พักของทางจังหวัดระยอง ซึ่งเขาก็ยินดีให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่

 

ที่ผ่านมาเคยทำโครงการแบบนี้มาก่อนไหม

          นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รวมตัวกันทำโครงการที่เน้นเรื่องการแบ่งปันแบบเต็มรูปแบบ โดยตั้งใจอยากให้มีโครงการนี้เกิดขึ้นทุกปี เพราะที่ผ่านมาเป็นการจัดโครงการครั้งแรกของพวกเรา ทำให้สัมผัสได้ถึงความสุขใจจากการให้  ยิ่งเห็นทีมงาน และคนภายนอกเข้ามายื่นมืออยากให้ความช่วยเหลือ ยิ่งเป็นพลังให้เราอยากทำแบบนี้อย่างต่อเนื่อง อย่างกลุ่ม VR แรนเจอร์ ส่วนตัวผมก็รู้จัก เพราะเป็นคนขับรถวิบากอยู่แล้ว เรานับถือกันอย่างพี่ๆ น้องๆ เมื่อมีแผนทำโครงการเพื่อสังคม พี่น้องหลายๆ ท่านที่เราสนิทคุ้นเคยก็ยินดีให้ความร่วมมือ

 

ทำไมถึงเลือกน้องๆ บนดอย

          เด็กทางภาคใต้ อีสาน กลาง ถ้ามีการใช้ชีวิตที่ลำบาก มีความขาดแคลนทั้งเรื่องทุนทรัพย์ การศึกษา ก็นับว่าลำบากด้วยกันทั้งนั้น แต่เส้นทางการเดินทางในภาคอื่นจะสะดวกกว่าเด็กที่อยู่บนดอย บนดอยแค่เดินทางเข้ามาในอำเภอ และกว่าจะถึงห้องเรียน บางโรงเรียนต้องต่อรถถึง  4 ทอด หมดเวลากับการเดินทางไปแล้วครึ่งวัน และต้องเดินด้วยเท้าเปล่าจนถึงโรงเรียน

 

แล้วพาน้องๆ มาทั้งโรงเรียนเลยไหม

          ทีมงานได้คัดเลือกนักเรียนที่มีความประพฤติดี และมีผลการเรียนดี ทั้ง 5 โรงเรียน ระหว่างชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 รวมกันประมาณ 35-40 คน มาร่วมโครงการคืนรอยยิ้ม สู่ถิ่นไกลครั้งที่ 1 ตอน “พาน้องลงดอย มาลอยทะเล” เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้เด็กในพื้นที่อยากพัฒนาตัวเองทั้งด้านความประพฤติ มารยาท และผลการเรียนต่างๆ ให้ตัวเองมีศักยภาพที่สูงขึ้นในอนาคตต่อไป ทั้ง 5 โรงเรียนจะมีคุณครู 1 ท่านเป็นตัวแทนจากแต่ละโรงเรียนมากับน้องๆ ด้วย  ส่วนการพาน้องๆ ลงมาจะใช้รถบัส 1 คัน ซึ่งเพียงพอกับจำนวนนักเรียน และคุณครูแต่ละโรงเรียน

 

มีน้องๆ จากโรงเรียนใดบ้างที่เข้าร่วมโครงการ

          โครงการครั้งนี้ได้เลือกมา 5 โรงเรียนจากทางอำเภอ อมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่  คือ โรงเรียนแม่ลอกเหนือ โรงเรียนบ้านลูกูดู โรงเรียนบนดอยบ้านสงินนุปอย โรงเรียนบ้านหนองอึ่งเหนือ และโรงเรียนบ้านหนองอึ่งใต้ ขึ้น สำหรับการคัดเลือกเด็กที่มีความประพฤติดี มีผลการเรียนดี ถือเป็นรางวัลความดีของน้องๆ ที่ได้มาร่วมโครงการ และนำประโยชน์ต่างๆ ที่ได้จากโครงการนี้ไปแบ่งปันให้เพื่อนๆ ในโรงเรียนรับทราบ เด็กคนอื่นจะได้มีกำลังใจทำความดี อยากเป็นคนดีของสังคม และใฝ่หาความรู้เพื่อประสบความสำเร็จด้านการศึกษาอย่างที่ตั้งใจ

 

แล้วพาน้องๆ ไปทำกิจกรรมอะไรบ้าง

          โครงการนี้จะแบ่งออกเป็น 3 กิจกรรมหลักคือ เที่ยวสวนสนุกดรีมเวิลด์ ทานบุฟเฟ่ต์ หมูกระทะ อาหารทะเลซีฟู้ด “เป๋าตุงกุ้งย่าง" สาขารังสิต คลอง 2 และเที่ยวทะเล “บ้านแพ” จังหวัดระยอง ส่วนการขึ้นบันไดเลื่อนก็ยังมีอยู่แน่นอน ซึ่งน้องๆ ได้ขึ้นบันไดเลื่อนกันที่ห้างสรรพสินค้าในจังหวัดระยอง เราได้เห็นรอยยิ้มของน้องๆ ในทุกกิจกรรมที่น้องไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน ทีมงานทุกคนก็อดยิ้มตามไม่ได้เช่นกัน

 

 กิจกรรม “ท่องโลกแห่งความสุขกับสวนสนุกดรีมเวิลด์” 

          เด็กๆ เขาฝันว่าอยากจะมา “สวนสนุกดรีมเวิลด์” เพราะเป็นสวนสนุกที่กว้างใหญ่ มีเครื่องเล่นมากมาย อาทิ “ไวกิ้งส์” เป็นเรือโจรสลัดลำใหญ่ “บ้านยักษ์” ที่เด็กๆ จะได้เพลินกับการปีนถั่ววิเศษ และตะลุยบ้านยักษ์อย่างตื่นเต้น และยังมีเมืองหิมะที่สร้างความตื่นตาและเพลิดเพลินได้เป็นอย่างมาก

 


 เด็กดอยเตรียมท่องแดนดรีมเวิลด์ 

 


 พากันเหาะไปแตะขอบฟ้า 

 


 ดรีมเวิลด์หนาวมาก 

 


เก้าอี้ยักษ์นั่งได้ 5 คนพอดีเลย แถมยังได้กอดกระบองยักษ์ด้วย 

 

กิจกรรม “อิ่มพุงกับเป๋าตุงกุ้งย่าง”

          นอกจากเด็กๆ จะได้ทานทุกอย่างในร้านเป๋าตุงกุ้งย่าง คลอง 2 อย่างเต็มอิ่ม ที่ร้านยังได้เตรียมไอศกรีมกูลิโกะ ซึ่งเมื่อ 3-4 เดือนก่อน คนในกรุงเทพฯ ยังหาทานยาก แต่น้องๆ ในโครงการมาถึงที่นี่ได้ทานครบทุกคน หลังจากทานอาหารกันอิ่มเรียบร้อย ทางร้านจัดกิจกรรมเป็นการแจกรางวัลให้น้องๆ ทุกคนคือ “ตุ๊กตาตัวใหญ่” สูงประมาณ 60-80 เซนติเมตร “ที่เลือกเป็นตุ๊กตา “คิดว่าถ้าน้องๆ อยู่บนดอย แล้วเราให้เครื่องใช้ไฟฟ้าคงไม่สะดวก เลยมาลงตัวที่ “ตุ๊กตา” สามารถเล่นได้ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย” ส่วนตุ๊กตาขนาดพิเศษสูงเกือบ 2 เมตร จะเตรียมไว้ให้น้องๆ ที่เป็นผู้โชคดีจับฉลากได้ 2 รางวัลเท่านั้น สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นของขวัญเพื่อให้น้องๆ ได้เก็บเป็นความทรงจำดีๆ และนึกถึงโครงการนี้ไปตลอด


 เจ้าของร้าน “เป๋าตุงกุ้งย่าง สาขารังสิต คลอง 2”  พร้อมทีมงาน ดูแลน้องๆ ทุกคนเป็นอย่างดี 

 


 งานนี้ไอศกรีมกูลิโกะ และตุ๊กตาตัวโต เป็นของน้องๆ ทุกคน 

 


ช่วงเวลาแห่งความสุขของพวกเรา 

 

กิจกรรม “เที่ยวทะเล เฮฮากันแบบเด็กดอย”

          นอกจากได้พาน้องๆ มาเห็นน้ำทะเลของจริง ได้เล่นน้ำอย่างสนุกสนาน เด็กทุกคนยังตื่นเต้น และประทับใจมากเวลาขึ้นบันไดเลื่อนในห้างสรรพสินค้าของจังหวัดระยอง เป็นกิจกรรมที่น้องๆ ได้โหวตกันก่อนมาด้วย เพราะเป็นสิ่งที่เขาไม่มีโอกาสได้ทำตอนอยู่บนดอย  เพราะอยู่บนดอยน้องๆ เขาได้แต่ปีนต้นไม้ แต่การขึ้นบันไดเลื่อนคือความฝันที่น้องๆ อยากทำมาก เมื่อได้ขึ้นแล้วก็พากันติดใจ


แวะชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำก่อนไปทะเล

 


เตรียมโดดลงทะเล 

 


ห่วงยางมีรู แต่ที่รู้ๆ ดูหน้าน้องจะฟินมาก 

 


งานนี้พี่ๆ และน้องๆ น่าจะมีออกสเต็ปเปิดฟลอร์แดนซ์กันริมหาด

แล้วน้องๆ ชอบไหมกับกิจกรรมที่เราพาไป

          ตั้งแต่เราพาน้องๆ ลงมาร่วมกิจกรรมโครงการ จนผ่านกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน และมาถึงเวลาที่ต้องอำลา ทีมงานทุกคนได้เห็นความสุขของน้องๆ ตลอดเวลา 5 วัน 4 คืน แววตาน้องทุกคนที่ส่งถึงเรา พร้อมรอยยิ้มแบบจริงใจ เหมือนแทนคำขอบคุณให้ทีมงานทุกคน และเด็กๆ ยังรอคอยให้มีกิจกรรมแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต เพราะถ้าน้องๆ อยู่ที่บ้านบนดอย และพวกเราไม่คิดจะจัดโครงการนี้ โอกาสที่เขาจะได้รับกิจกรรมแบบนี้เท่ากับเป็นศูนย์ คือไม่มี

 

น้องๆ มีความสุขแล้ว อาสาสมัคร และผู้จัดมีความสุขไหม

          ถึงจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ ที่ได้มาร่วมกิจกรรมด้วยกัน แต่ก็รู้สึกผูกพันกับน้องๆ เพราะทุกกิจกรรมทำให้พี่กับน้องได้มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ได้มาละลายพฤติกรรมกัน จึงมีความสนิทกันง่ายขึ้น ทีมงานทุกคนก็รู้สึกอิ่มใจกับการแบ่งปันครั้งนี้ไปด้วย

 

กิจกรรมสุดท้ายที่ทำให้น้องๆ

          นอกจากการพาน้องๆ มาร่วมกิจกรรม ทีมงานบางส่วนยังนำสิ่งของทั้งสื่อการเรียนการสอน อุปกรณ์กันหนาว ที่ต้องนำรถ OFFROAD เป็นพาหนะใช้ขึ้นไปบนดอย ประมาณ 2-20 คัน จำนวนรถที่ใช้ขึ้นอยู่กับปริมาณของที่นำขึ้นไปแต่ละเที่ยว รวมถึงสภาพอาคารโรงเรียนหลายจุดที่ชำรุดเสียหายหนักเช่น หลังคามุงจากทรุดโทรมเมื่อฝนตกหนักยิ่งเป็นอุปสรรคต่อการเรียนการสอนเพราะไม่มีหลังคาช่วยกันฝน บางโรงเรียนไม่มีกำแพง และผนัง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจกับชุมชนแห่งนี้ และควรดำเนินการรีบเร่งแก้ไข ทางทีมงานจึงทยอยซ่อมแซมให้ในแต่ละโรงเรียน

 

คาดว่าในอนาคตจะจัดโครงการนี้อีกไหม

          ทีมงานทุกคนคิดเห็นตรงกันว่าอยากให้มีกิจกรรมแบบนี้เกิดขึ้นอีก และอยากให้มีทุกปี โดยยึดเกณฑ์การคัดเลือกเด็กที่เรียนดี มีมารยาท มีความขยัน รับผิดชอบในหน้าที่ตัวเองเป็นหลัก อาจจะกลับมาคัดเลือกน้องๆ ที่นี่อีก หรือจะเป็นที่อื่นต้องดูกันอีกทีครับ ส่วนเรื่องกิจกรรมถ้าน้องๆ อยากให้มีกิจกรรมแบบนี้เราก็ยินดีจัดให้ตามความต้องการ แต่ถ้าอยากให้มีกิจกรรมใหม่ๆ สามารถเสนอมาทางพวกเราได้เลยครับ 

 

นอกจากความสุขที่น้องๆ ได้รับแล้ว น้องๆ ได้ประโยชน์อะไรจากโครงการนี้

          ประโยชน์ดีๆ จากโครงการคือ “การฝึกเป็นผู้ให้ในวันหน้า” การให้ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทอง หรือของมีค่ามากมาย แค่เรามีความรู้ หรือมีทักษะดีไม่ว่าจะวิชาชีพใดๆ ก็สามารถแบ่งปันความรู้ให้กันและกันได้ ยิ่งถ่ายทอดให้คนอื่นรู้เพิ่ม เมื่อเขานำความรู้จากเราไปทำประโยชน์อื่นๆ ถือว่าเราได้ให้อะไรดีๆ กับคนในโลกอีกหลายชีวิต สิ่งดีๆ ก็จะกลับมาหาเราด้วยเช่นกัน หรือแค่การมอบรอยยิ้มให้คนรอบข้าง มีน้ำใจคอยช่วยเหลือผู้อื่นตามกำลังของเราก็นับว่าเป็นคนที่รู้จัก “ให้” ต่อสังคมแล้ว กิจกรรมนี้อยากให้น้องๆ ทุกคนบนดอยเห็นอีกมุมของคนกรุงเทพฯ ที่อยากเป็นผู้ให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน

 

อยากฝากอะไรทิ้งท้ายให้น้องๆ 

          อนาคตก็หวังว่าน้องๆ ทุกคนจะรู้คุณค่าของการแบ่งปันความสุขให้คนรอบข้าง “ความสุขสร้างได้ด้วยมือ และใจ สามารถเอื้อเฟื้อให้กับเพื่อนนักเรียนร่วมห้อง หรือผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน หรืออำเภอเดียวกันก็ได้ ที่สำคัญต้องรักษาความดีของตัวเองไว้ตลอด ตั้งใจเรียน และรักในหลวงให้มากๆ นะครับ

 

สิ่งที่อยากฝากบอกผู้อ่าน

          ไม่ว่าใครจะอยู่สถานะใด อาชีพไหน การแบ่งปันทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ถ้าทำด้วยใจ แม้แต่การยิ้มให้กันก็ถือเป็นการแบ่งปันมิตรไมตรีแล้วจะแบ่งปันกับเพื่อนมนุษย์ หรือสัตว์ร่วมโลก เชื่อว่าผู้รับทุกคนก็ต้องดีใจอย่างแน่นอน เมื่อได้แบ่งปันน้ำใจแล้ว สิ่งที่คุณจะได้รับกลับมาคือความสุขใจกว่าหลายเท่า

 


มิตรภาพ และรอยยิ้มของพี่ และน้องจะอยู่ในความทรงจำไปยาวนาน

 

 


อำลากันด้วยรอยยิ้มใสๆ ของน้องๆ ทุกคน หวังว่าครั้งหน้าเราคงได้พบกันใหม่

 

          “รอยยิ้ม” ที่เกิดจากความสุขที่ได้จากเด็กๆ มีค่ามากกว่าวัตถุเงินทอง ถึงแม้การให้ครั้งนี้จะได้เพียงรอยยิ้มของเด็กๆ กลับมาก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จเกินกว่าที่จะตีค่าเป็นราคา พร้อมทั้งกับสอน และปลูกฝังให้แก่น้องๆ และผู้เข้าร่วมโครงการให้รู้จัก “การแบ่งปัน” ในแบบที่ไม่หวังผลตอบแทน

          อีกหนึ่งข้อคิดที่โครงการนี้สอนไว้คือการให้ และการแบ่งปันสามารถเกิดได้ทุกที่ทุกเวลา คุณอาจจะไม่ต้องรวยล้นฟ้ามีเงินเหลือใช้ เพียงแค่เป็นคนธรรมดาแต่คุณสามารถ “ให้” และ “สร้าง” ความสุขได้ง่ายๆ อย่างการเสียลละที่นั่งบนบีทีเอส การให้ทางขณะขับรถหรือการจอดรถให้คนได้ข้ามถนนก็ถือว่าสร้างความสุขให้ทั้งผู้รับ และผู้ให้ ดังนั้นอย่ารอที่จะเริ่มต้นสร้างความสุข  เพราะสิ่งเหล่านี้มีอยู่รอบตัวเหลือแต่ว่าเราพร้อมจะให้ไหม  







TOP