ไขมันดีหรือไขมันร้าย มันต่างกันยังไง?!

          ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ไขมัน” เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบที่ร่างกายต้องการอย่างขาดไม่ได้ แต่เฉพาะไขมันที่ถูกประเภทเท่านั้นนะที่ร่างกายต้องการในปริมาณไม่มาก และไม่น้อยจนเกินไป แต่จะแยกความแตกต่างระหว่างไขมันดีหรือไขมันที่ร่างกายต้องการ กับไขมันแย่หรือไขมันที่ร่างกายร้อง “ยี้” ได้อย่างไร

          วันนี้ทีมงาน RyoiiReview มีคำแนะนำ และเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับไขมันมาฝากคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ

          นักโภชนาการนามว่า Alexa Schmitt แห่ง Massachusetts General Hospital กล่าวว่า ทั้งไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fat) และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated fat) ต่างเป็นไขมันดีทั้งนั้น ส่วนไขมันอิ่มตัว (saturated fats ) ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น ส่วนไขมันชนิดแทรนส์ (trans fat) เป็นประเภทไขมันที่ควรเลี่ยงมากที่สุด เพราะว่าไขมันประเภทนี้มีผลต่อระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งจะส่งผลต่อการป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจ และอัมพาต รวมถึงโรคอื่นๆ อีกด้วย

          ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีของเรา ไขมันที่ควรเลือกบริโภคคือไขมันที่มีลักษณะเป็นของเหลวเมื่ออยู่ในอุณหภูมิห้อง เช่นน้ำมันมะกอก ซึ่งไขมันประเภทนี้ให้คุณค่าทางสารอาหารต่อร่างกายมากกว่าไขมันที่อยู่ในลักษณะเป็นก้อน เช่นเนย หรือมาการีน

SPONSORED

 

วิธีการเลือกบริโภคไขมันให้เหมาะกับสุขภาพของเรา

แหล่งไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว หรือ Mono- unsaturated fat จะอยู่ในเมล็ดคาโนลา, น้ำมันมะกอก, เมล็ดถั่ว และอะโวคาโด

- แหล่งไขมันไม่อิ่มตัวเชิงคู่ หรือ Poly-unsaturated fat จะแบ่งออกเป็นกรดไขมันโอเมก้า 6 และกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งไขมันประเภทแรกมีเยอะในน้ำมันที่ได้จากพืช ส่วนไขมันชนิดหลังหาได้จากปลาแซลมอน และปลาทูน่า, เมล็ดแฟลกซ์ (Flax Seed) และเมล็ดวอลนัท

- ไขมันอิ่มตัวส่วนใหญ่จะอยู่ในเนื้อแดง เช่นซาลามี่ และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม เช่นครีม และเนย ส่วนน้ำมันมะพร้าว, น้ำมันปาล์ม และน้ำมันจากเนื้อในเมล็ดปาล์มก็อุดมไปด้วยไขมันอิ่มตัว

- ไขมันทรานส์ซึ่งเป็นไขมันที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายนั้น เกิดจากการเพิ่มปริมาณไฮโดรเจนในน้ำมันพืช เพื่อยืดอายุให้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ จึงไม่แปลกที่ไขมันทรานส์จะเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในอาหารแช่แข็ง และอาหารแปรรูป เช่นพวกขนมปังเบเกอรี่, คุ้กกี้ และแครกเกอร์

          (กรมอาหาร และยาของประเทศสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้ผู้ผลิตติดป้ายบนผลิตภัณฑ์ว่า "trans fat free" หากมีไขมันทรานส์น้อยกว่า 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค และมักจะมีคำว่า "hydrogenated" และ "partially hydrogenated" รวมอยู่ด้วยในผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำมัน ซึ่งสองคำนี้หมายถึง ผลิตภัณฑ์อาจมีไขมันทรานส์มากกว่า 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค)

          อีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้มีสุขภาพดีง่ายๆ คือ การเลือกซื้ออาหารอย่างมีสติ รู้ว่าต้องการจะซื้ออะไร และอาหารที่ควรซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านคือพวกผัก และผลไม้สด, เนื้อไร้ไขมัน, เนื้อปลา และเมล็ดธัญพืช ส่วนน้ำมันที่ได้รับการแนะนำว่าดีต่อสุขภาพคือ น้ำมันมะกอกนะค่ะคุณหนุ่มๆ สาวๆ เพราะสุขภาพดีสามารถสร้างได้จากภายในค่ะ

 

ที่มา: everydayhealth







TOP