7 อาหารต้องห้ามถ้าอยากมีผิวสวยและใส จนใครๆต้องทัก

“ความสวยเกิดจากภายใน” นั่นแปลว่า ความสวยเกิดจากอาหารที่เรารับประทานไปแต่ละวัน หากเรารับประทานอาหารที่มีแต่ไขมันเยอะเกินไปหรือมีรสชาติเค็มมากเกินไป ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเราแต่ยังแสดงออกบนผิวอีกด้วย

ดังนั้นถ้าไม่อยากมีผิวที่เหี่ยวและย่น ดูแล้วไม่สดใส ควรงดอาหาร 7 อย่างดังต่อไปนี้

น้ำอัดลม

น้ำอัดลมและน้ำผสมน้ำหวานอื่นๆเป็นศัตรูร้ายต่อการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังของเรา คอลลาเจนมีคุณประโยชน์ช่วยให้ผิวหนังเราตึงและกระชับ ดังนั้นถ้าไม่อยากให้คอลลาเจนพวกนี้ถูกทำร้าย ดื่มน้ำเปล่า น้ำแร่หรือชาที่ไม่ผสมน้ำหวานจะดีกว่านะจ้ะ

 

เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

เป็นเรื่องปกติเมื่อบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไป จะรู้สึกปวดปัสสาวะทันทีแต่สิ่งที่ออกมานั้นกลับเป็นสิ่งที่ให้ความชุ่มชื้นในผิวหนังและทำให้ผิวดูเหี่ยวและแห้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการดื่มแอลกอฮอล์ควรมีขอบเขตและควรดื่มน้ำเยอะๆเพื่อทดแทนความชุ่มชื้นที่หายไป

ลูกอม

รู้กันอยู่แล้วว่าลูกอมรสหวานต่างๆนั้นไม่ดีต่อสุขภาพของเรา แถมยังทำให้อ้วนอีกด้วย ที่มากไปกว่านั้นคือการบริโภคลูกกวาดสามารถทำลายผิวหนังของเราโดยผิวหนังเราอาจจะอักเสบและติดเชื้อง่ายกว่าปกติ

อาหารทอด

ใครชอบกินอาหารทอด...ยกมือขึ้น! อาหารทอดอร่อยก็จริงแต่ไม่ส่งผลดีต่อผิวหนังของเราและระบบภายในร่างกายแม้แต่น้อย ระบบการย่อยอาหารและระบบหมุนเวียนในร่างกายจะทำงานช้าลง ผลคืออาการบวมน้ำและไขมันใต้ผิวหนังจะตามมา อดสวยอดหล่อเลยละทีนี้  

ขนมปังขาว

นักวิจัยหลายๆท่านได้แนะนำว่าอาหารชนิดใดที่มีดัชนีน้ำตาลสูง เมื่อรับประทานไปนั้นจะส่งผลเสียต่อผิวหนังโดยตรง โดยเฉพาะขนมปังขาวหรืออาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงจะส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น อาจนำไปสูงโรคเบาหวาน และเมื่อระบบภายในไม่ดีแล้วนั้นมีโอกาสสูงที่จะส่งผลต่อผิวหนัง เช่น ผิวจะเหี่ยวและอาจจะมีสิวตามมา

ขนมขบเคี้ยว

การรับประทานมันฝรั่งทอดอาจจะทำให้เกิดอาการคอแห้ง เพราะสารปรุงรสและสารประกอบอื่นๆในขนมล้วนเค็มและมีโซเดียมสูง ผิวหนังจะเริ่มแห้งและหยาบกร้านเพราะมีการเก็บกักน้ำไว้ใต้ผิวน้ำ ไม่ปล่อยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ผิวแห้ง ก็ลดการกินขนมขบเคี้ยว

มายองเนส

อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 6 เช่น มายองเนสและน้ำสลัด เมื่อรับประทานไปแล้วจะส่งผลกับผิวโดยตรงคือจะทำให้ผิวหนังดูไม่สุขภาพดี ไม่เปล่งปลั่งเหมือนอย่างเคย แต่ถ้าหลีกเลี่ยงกินอาหารประเภทนี้ไปไม่ได้ แนะนำให้กินควบคู่กับอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3เอส เช่น ปลาแซลมอนหรือปลาทูน่า

 

ที่มา: foodnetwork

รูปภาพ: foodnetwork , selvabjj ,loosorthodontics , memory &yellow-news







TOP