แค่นอนหลับก็ “หุ่นดี” ได้ด้วย 5 วิธีง่ายๆ ทำก่อนนอน

          การนอนหลับถือเป็นกิจกรรมที่ใครๆ ต่างก็ชอบ ยิ่งนอนหลับยาวๆ แบบไร้การรบกวนด้วยแล้วถือเป็นเรื่องดี แต่รู้ไหมว่านอกเหนือจากจะรู้สึกอิ่มเอิบใจในการพักผ่อนยามกลางคืนแล้ว การนอนหลับก็ช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย โดยมีอยู่ 5 วิธีง่ายแสนง่ายทำก่อนนอน แต่รับรองว่าหุ่นดีตอนตื่น!

SPONSORED

 

ยกน้ำหนักในตอนหัวค่ำ
          หากใครชอบการออกกำลังกายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ลองเพิ่มการยกน้ำหนักเข้าไว้ในตารางการออกกำลังกายด้วยสิค่ะ เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของอัตราการความต้องการเผาผลาญของร่างกายในชีวิตประจำวันให้ทำงานยาวนานถึง 16 ชั่วโมง (ข้อมูลจาก International Journal of Sport Nutrition)

 

อัพเกรดหรือเปลี่ยนสูตรโปรตีนเชค
          หลังจากออกกำลังกายอย่างเหน็ดเหนื่อยแล้ว ให้อาหารกล้ามเนื้อที่อ่อนล้าด้วยเวย์โปรตีน (Whey Protein) เพราะการบริโภคโปรตีนหลังการออกกำลังกายนั้นจะช่วยให้ไม่หิวง่ายเนื่องจากต้องใช้เวลาย่อยมากกว่า 8 ชั่วโมง อีกทั้งยังช่วยให้ระบบเผาผลาญไขมันทำงานตลอดทั้งคืน

          หากอยากลดแคลอรี่ไปในตัวด้วย นักวิจัยชาวเนเธอร์แลนด์แนะนำว่า ให้บริโภคอาหารที่มีสารเคซีน (casein) เพิ่มด้วย ซึ่งจะช่วยเบิรน์แคลอรี่ได้สูงถึง 35 กิโลแคลอรี่ต่อ 1 ปอนด์ของกล้ามเนื้อ               

 

อาบน้ำเย็นให้ประโยชน์มากกว่าความสดชื่น
          การอาบน้ำเย็นจัดนอกจากจะช่วยชำระล้างร่างกายให้รับความสดชื่นแบบขีดสุดแล้ว ยังช่วยล้างกรดแลคติก (Lactic acid) อีกด้วย งานศึกษาของ PLoS ONE พบว่า การอาบน้ำเย็นจัดเป็นเวลา 30 วินาทีจะช่วยกระตุ้นไขมันสีน้ำตาล (brown fat) ซึ่งช่วยเผาผลาญไขมัน และแคลอรี่ในร่างกายในช่วงการนอนหลับได้มากกว่า 400 แคลอรี่
          วิธีการอาบน้ำให้ได้ผลมากที่สุดคือ ยืนอาบน้ำใต้ฝักบัว เพราะไขมันสีน้ำตาลจะอยู่บริเวณคอ และหัวไหล่ ถึงจะเย็นจัด แต่รับรองว่าคุ้มกับน้ำหนักที่หายไป!

SPONSORED

เปลี่ยนจากกาแฟเป็น "ชาเขียว" 
          เป็นที่รู้กันว่า “ชาเขียว” สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ระบบเผาผลาญแก่ร่างกายได้ด้วยสารฟลาโวนอยส์ (flavonoids) และหากดื่มชาเขียว 3 แก้วใน 1 วัน จะช่วยเบิรน์แคลอรี่ได้ 3.5 เปอร์เซ็นต์ในช่วงกลางคืน (ข้อมูลจาก American Journal of Clinical Nutrition)

          ถึงแม้ชาเขียวก็มีสารคาเฟอีนผสมอยู่ แต่ก็ไม่มากนักจนทำให้นอนไม่หลับ

 

นอนหลับในห้องที่มีอุณหภูมิเย็น
          การศึกษาจาก National Institutes of Health พบว่า การปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นลงจะช่วยให้ร่างกายเบิรน์แคลอรี่ได้มากขึ้น! โดยปรับอุณหภูมิให้เหลือสัก 66 องศาฟาเรนไฮต์หรือ 19 องศาเซลเซียสจะช่วยเบิรน์แคลอรี่ได้มากถึง 7 เปอร์เซ็นต์ เพราะร่างกายจะต้องควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่โดยการเบิรน์ไขมันเพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย

 

ที่มา และรูป: menshealth 







TOP